กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (SDF) นำโดยชาวเคิร์ดซึ่งควบคุมพื้นที่น้ำมันทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ได้ลงนามในข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์กับรัฐบาลรักษาการซีเรียเมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) เพื่อผนวกกองกำลังและสถาบันต่าง ๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวลงนามโดยประธานาธิบดีรักษาการ อาเหม็ด อัล-ชารา และผู้บัญชาการ SDF มาซลูม อับดี ซึ่งครอบคลุมการโอนอำนาจควบคุมจุดผ่านแดน สนามบิน และแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซในภาคตะวันออกให้อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลดามัสกัส โดยมีกำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568
ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หลังจากที่กลุ่มกบฏโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา จนอัสซาดต้องลี้ภัยไปรัสเซีย และขณะที่รัฐบาลรักษาการชุดใหม่กำลังเผชิญวิกฤตการสังหารหมู่ชาวอะละวี (Alawite) ชนกลุ่มน้อยในภาคตะวันตกของประเทศ
อารอน ลุนด์ นักวิจัยจากเซ็นจูรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล (Century International) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในสหรัฐฯ วิเคราะห์ว่า ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยช่วยให้ปธน.ชาราแสดงจุดยืนว่าไม่เป็นศัตรูกับชนกลุ่มน้อย ขณะที่ฝ่าย SDF ก็ได้หลักประกันในกรณีที่สหรัฐฯ ถอนกำลังทหารที่สนับสนุนพวกเขามานานกว่าทศวรรษในการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงยังมีประเด็นท้าทาย โดยเฉพาะรายละเอียดการผนวกกองกำลังทหารของ SDF เข้ากับกระทรวงกลาโหมซีเรีย ซึ่ง SDF ต้องการเข้าร่วมเป็นกลุ่มก้อน แต่รัฐบาลรักษาการต้องการให้เข้าร่วมเป็นรายบุคคล
นอกจากนี้ ยังมีความขัดแย้งที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องระหว่าง SDF กับกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีในภาคเหนือของซีเรีย โดยตุรกีซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของรัฐบาลชารายังไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ต่อข้อตกลงนี้