เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) รัฐสภายุโรปลงมติรับรองข้อมติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ซูดาน และอาเซอร์ไบจาน หลังมีการถกประเด็นร้อนด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในไทย โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศ
สำหรับกรณีไทย รัฐสภายุโรปได้แสดงจุดยืนคัดค้านการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับจีน พร้อมเรียกร้องให้ไทยยุติการบังคับส่งตัวกลับประเทศที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต
ขณะเดียวกัน สมาชิกรัฐสภายุโรปยังผลักดันให้คณะกรรมาธิการยุโรปใช้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นเครื่องมือกดดันไทยให้ปฏิรูปกฎหมาย ม.112 ปล่อยตัวนักโทษการเมือง ยุติการส่งกลับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ และให้สัตยาบันอนุสัญญาหลักขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO)
นอกจากนี้ รัฐสภายุโรปยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเปิดทางให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้าถึงผู้แสวงหาที่พักพิงชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด พร้อมเปิดเผยข้อมูลสถานะของผู้ลี้ภัยอย่างตรงไปตรงมา
รัฐสภายุโรปยังเสนอให้ระงับสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับจีน และย้ำว่าจีนต้องเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับ รับรองความโปร่งใสเรื่องที่อยู่ เปิดทางให้ UNHCR เข้าถึง และปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง โดยข้อมติดังกล่าวผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 482 ต่อ 57 เสียง งดออกเสียง 68 เสียง
ด้านสถานการณ์ในซูดาน รัฐสภายุโรปเรียกร้องให้เร่งคลี่คลายวิกฤตการเมือง มนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงทางเพศและการข่มขืนเด็ก พร้อมกดดันทุกฝ่ายหยุดสู้รบและหันหน้าเจรจา รวมถึงเปิดช่องทางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะอาหารและเวชภัณฑ์ ให้เข้าถึงผู้พลัดถิ่นหลายล้านคน
ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภายุโรปได้ประณามการโจมตีพลเรือนและความรุนแรงทางเพศ โดยเฉพาะการข่มขืนเด็กที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าวิตก ซึ่งเกิดจากทั้งกองทัพซูดาน (SAF) และกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (RSF) พร้อมย้ำว่าผู้ก่อเหตุต้องถูกลงโทษ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองสตรีและเด็กที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงยุติการเกณฑ์ทหารเด็ก โดยข้อมติดังกล่าวผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 575 ต่อ 7 เสียง งดออกเสียง 35 เสียง
ส่วนกรณีอาเซอร์ไบจาน รัฐสภายุโรปประณามการควบคุมตัวและไต่สวนคดีที่ไม่เป็นธรรมต่อตัวประกันชาวอาร์เมเนีย รวมถึงผู้แทนทางการเมืองระดับสูงจากนากอร์โน-คาราบัค พร้อมเรียกร้องให้สถานเอกอัครราชทูตในสหภาพยุโรป (EU) เข้าสังเกตการณ์การพิจารณาคดีและเยี่ยมผู้ถูกคุมขัง
รัฐสภายุโรปยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวทันทีและสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างเป็นอิสระ พร้อมผลักดันให้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และขอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) สอบสวนการบังคับโยกย้ายถิ่นฐานและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนีย
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ EU ระงับบันทึกความเข้าใจด้านพลังงานกับอาเซอร์ไบจาน และกำหนดเงื่อนไขในข้อตกลงทวิภาคีในอนาคตให้ขึ้นอยู่กับการปรับปรุงด้านสิทธิมนุษยชน การปล่อยตัวนักโทษการเมือง และการบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่เป็นธรรม โดยข้อมติดังกล่าวผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนน 523 ต่อ 3 เสียง งดออกเสียง 84 เสียง