มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) ว่า ทางมหาวิทยาลัยเตรียมปลดพนักงานกว่า 2,000 ตำแหน่งทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ หลังจากที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกเงินสนับสนุนมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์
การปลดพนักงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของทางมหาวิทยาลัย โดยมีพนักงาน 247 ตำแหน่งในสหรัฐฯ และอีก 1,975 ตำแหน่งใน 44 ประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบ ครอบคลุมเจ้าหน้าที่ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และองค์กรเจไปโก้ (Jhpiego) ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสุภาพที่ไม่แสวงหากำไร
"นี่เป็นวันที่ยากลำบากสำหรับชุมชนของเรา การตัดงบสนับสนุนกว่า 800 ล้านดอลลาร์จาก USAID กำลังบีบให้เราต้องยุติภารกิจที่สำคัญทั้งในบัลติมอร์และต่างประเทศ" มหาวิทยาลัยระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (10 มี.ค.) ว่า รัฐบาลปธน.ทรัมป์ได้ยกเลิกโครงการมากกว่า 80% ของ USAID หลังการพิจารณานาน 6 สัปดาห์
นอกจากนี้ รัฐบาลทรัมป์กำลังตรวจสอบมหาวิทยาลัย 60 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ เกี่ยวกับการชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ภายในมหาวิทยาลัย โดยกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมมีแนวคิดต่อต้านชาวยิว ขณะที่ผู้ชุมนุมปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสับสนระหว่างการวิจารณ์การทำสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา กับการต่อต้านชาวยิว