รัฐบาล "ทรัมป์" เตรียมสั่งห้ามประชาชน 41 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐฯ

ข่าวต่างประเทศ Saturday March 15, 2025 11:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กำลังพิจารณาออกข้อจำกัดด้านการเดินทางอย่างกว้างขวางสำหรับพลเมืองจากหลายสิบประเทศภายใต้คำสั่งห้ามฉบับใหม่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวและบันทึกภายในระบุรายชื่อทั้งหมด 41 ประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 3กลุ่ม กลุ่มแรกมี 10 ประเทศ รวมถึงอัฟกานิสถาน อิหร่าน ซีเรีย คิวบา และเกาหลีเหนือ ซึ่งจะถูกระงับวีซ่าโดยสมบูรณ์

กลุ่มที่ 2 นั้น มี 5 ประเทศ ได้แก่ เอริเทรีย เฮติ ลาว เมียนมา และซูดานใต้ ที่จะถูกระงับวีซ่าบางประเภท เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน และวีซ่าผู้อพยพบางส่วน แต่ยังมีข้อยกเว้นในบางกรณี

ส่วนกลุ่มที่ 3 ประกอบด้วย 26 ประเทศ รวมถึงเบลารุส ปากีสถาน และเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอาจถูกระงับการออกวีซ่าสหรัฐฯ บางส่วน หากรัฐบาลของประเทศเหล่านั้น "ไม่ดำเนินมาตรการแก้ไขข้อบกพร่องภายใน 60 วัน"

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนามกล่าวว่า รายชื่อประเทศในบันทึกอาจมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร รวมถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

เดอะนิวยอร์กไทมส์เป็นสื่อรายแรกที่รายงานเกี่ยวกับรายชื่อประเทศเหล่านี้

มาตรการดังกล่าวคล้ายกับคำสั่งห้ามเดินทางในสมัยแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ห้ามนักเดินทางจาก 7 ประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ซึ่งนโยบายนี้มีการปรับเปลี่ยนหลายครั้งก่อนที่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ให้การรับรองในปี 2561

ทรัมป์ออกคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 20 ม.ค. กำหนดให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อป้องกันภัยคุกคามด้านความมั่นคง

คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้รัฐมนตรีหลายกระทรวงต้องเสนอรายชื่อประเทศที่ควรถูกระงับการเดินทางบางส่วนหรือทั้งหมดภายในวันที่ 21 มี.ค.นี้ เนื่องจากประเทศเหล่านั้นมีข้อมูลเพื่อตรวจสอบและคัดกรองที่ไม่เพียงพอ

นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการอพยพที่ทรัมป์ดำเนินการตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่สอง

ทรัมป์ได้กล่าวถึงแผนดังกล่าวในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อเดือนต.ค. 2566 โดยให้คำมั่นว่าจะจำกัดการเดินทางของผู้คนจากฉนวนกาซา ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย เยเมน และพื้นที่อื่น ๆ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ