รัสเซียและยูเครนต่างกล่าวโทษกันไปมาในเช้าวันนี้ (19 มี.ค.) จากกรณีการโจมตีทางอากาศที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้และสร้างความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เห็นพ้องที่จะให้มีการหยุดยิงในการทำสงครามกับยูเครน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปูตินเห็นพ้องที่จะหยุดโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานของยูเครนเป็นการชั่วคราว แต่ปฏิเสธที่จะรับรองการหยุดยิงระยะเวลา 30 วันเต็ม ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ผลักดันให้เป็นก้าวแรกสู่ข้อตกลงสันติภาพถาวร
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนซึ่งเห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิงระยะเวลา 30 วันกล่าวหลังการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างปูติน-ทรัมป์ว่า เขาจะสนับสนุนการหยุดยิงแบบจำกัดขอบเขต แต่เรียกร้องให้ทั่วโลกสกัดกั้นความพยายามของรัสเซียที่จะทำให้สงครามยืดเยื้อออกไป
ทั้งนี้ ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมาทั้งสองฝ่ายรายงานว่าเกิดการโจมตีขึ้น
เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคในเมืองซูมี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนกล่าวว่า การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียได้สร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาลสองแห่งในเมืองดังกล่าว ซึ่งแม้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้คนไข้และเจ้าหน้าที่ต้องอพยพออกจากโรงพยาบาล
ขณะที่เจ้าหน้าที่ในเขตครัสโนดาร์ทางตอนใต้ของรัสเซียเปิดเผยเมื่อเช้าวันนี้ (19 มี.ค.) ว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนทำให้เกิดเพลิงไหม้เล็กน้อยที่คลังน้ำมันซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านคาฟคาซสกายา แม้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว แต่จำเป็นต้องอพยพพนักงาน 30 คนออกจากพื้นที่ดังกล่าว