สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ศาลญี่ปุ่นมีคำสั่งในวันนี้ (25 มี.ค.) ให้ยุบ "โบสถ์แห่งความสามัคคี" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ลัทธิมูน" ตามคำร้องขอของรัฐบาลกลาง หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกรณีชักชวนให้สมาชิกบริจาคเงินจำนวนมหาศาลจนหลายคนประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง
คำสั่งของศาลแขวงโตเกียวครั้งนี้ส่งผลให้องค์กรอื้อฉาวดังกล่าวต้องสูญเสียสถานะการเป็นองค์กรศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเดิมทำให้องค์กรได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่างไรก็ตาม องค์กรยังคงสามารถดำเนินกิจกรรมในญี่ปุ่นต่อไปได้
ทั้งนี้ คำร้องขอยุบองค์กรถูกยื่นเมื่อเดือนต.ค. 2566 ภายหลังการสอบสวนอย่างละเอียดเป็นระยะเวลาหลายเดือน โดยตามระบบกฎหมายญี่ปุ่น หน่วยงานภาครัฐมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้ยุบองค์กรศาสนาได้ หากองค์กรนั้น "กระทำการที่เป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพประชาชนอย่างชัดเจน"
โบสถ์แห่งความสามัคคี หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ "สหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก" (Family Federation for World Peace and Unification) ตกเป็นเป้าการตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลังเกิดเหตุอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ถูกลอบยิงเสียชีวิตในปี 2565 โดยมือปืนให้การว่ามีความแค้นต่อองค์กรนี้ เนื่องจากมารดาของเขาได้บริจาคเงินให้โบสถ์จำนวนมาก จนครอบครัวประสบปัญหาทางการเงิน
ภายหลังเหตุการณ์ลอบสังหารดังกล่าว ยังมีการเปิดโปงว่า นักการเมืองบางคนจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโบสถ์แห่งความสามัคคี