สำนักข่าววอชิงตันโพสต์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา (Tesla) ได้พยายามยื่นคำร้องโดยตรงถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกมาตรการภาษีนำเข้าฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ
รายงานระบุว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ถือเป็นรอยร้าวครั้งสำคัญระหว่างทรัมป์กับมัสก์ ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดี หลังจากทรัมป์ประกาศเก็บภาษีศุลกากรขั้นต่ำ 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด และเรียกเก็บในอัตราภาษีที่สูงขึ้นสำหรับอีกหลายสิบประเทศ
ระหว่างการประชุมทางไกลร่วมกับพรรคแนวร่วมฝ่ายขวาของอิตาลีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มัสก์ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าควรยกเลิกภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปทั้งหมด ซึ่งเป็นท่าทีที่ขัดแย้งโดยตรงกับนโยบายของทรัมป์
ในขณะเดียวกัน เทสลาก็กำลังเผชิญปัญหายอดขายรายไตรมาสที่ลดลงอย่างหนัก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระแสต่อต้านบทบาทของมัสก์ในกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) โดยมัสก์เคยยอมรับว่า มาตรการภาษีรถยนต์ของทรัมป์ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของเทสลา
ราคาหุ้นของเทสลาปิดที่ 233.29 ดอลลาร์ในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 เม.ย.) ลดลงกว่า 42% นับตั้งแต่ต้นปี
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายรายออกมาเตือนว่า มาตรการภาษีใหม่นี้อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อรอบใหม่ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และทำให้ค่าครองชีพของครอบครัวชาวอเมริกันเพิ่มสูงขึ้นหลายพันดอลลาร์ ซึ่งขัดแย้งกับคำมั่นสัญญาหาเสียงของทรัมป์ที่จะประกาศลดค่าครองชีพให้ประชาชน