พรรคนิวซีแลนด์ เฟิร์สต์ (New Zealand First) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อยของนิวซีแลนด์ ได้เสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาในวันนี้ (22 เม.ย.) ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ กฎหมายฉบับนี้จะกำหนดนิยามของ "ผู้หญิง" และ "ผู้ชาย" โดยยึดตามหลักทางชีววิทยาเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้สถานะทางกฎหมายของหญิงข้ามเพศและชายข้ามเพศไม่ได้รับการยอมรับ
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของร่างกฎหมายฉบับนี้ยังอีกยาวไกล เพราะเป็นร่างที่เสนอโดยสมาชิกรัฐสภา ซึ่งต้องผ่านกระบวนการสุ่มเลือกเข้าสู่การพิจารณา และยังต้องได้รับเสียงสนับสนุนข้างมากในสภา จึงจะกลายเป็นกฎหมายได้จริง
วินสตัน ปีเตอร์ส หัวหน้าพรรคนิวซีแลนด์ เฟิร์สต์ และรองนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันแถลงว่า กฎหมายจำเป็นต้องสะท้อนความจริงทางชีววิทยา และสร้างความแน่นอนทางกฎหมาย
"การที่ต้องมีกฎหมายแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าแนวคิดของฝ่ายซ้ายที่หลงผิดได้พาสังคมเราเตลิดไปไกลแค่ไหนแล้ว แต่เรากำลังเอาคืน" ปีเตอร์สกล่าว
ขณะเดียวกัน คริส ฮิปกินส์ ผู้นำฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวสตัฟฟ์ (Stuff) ของนิวซีแลนด์ โดยมองว่าร่างกฎหมายนี้เป็น "การเมืองประชานิยมตามแบบฉบับ" และชี้ว่า ในขณะที่ชาวนิวซีแลนด์กำลังเผชิญปัญหาค่าครองชีพสูง การว่างงาน และวิกฤตระบบสาธารณสุข ประเด็นเรื่องเพศสภาพนี้จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องหยิบยกขึ้นมา
สำหรับตัวกฎหมายเดิมที่ร่างฉบับนี้ต้องการเข้าไปแก้ไขนั้น เป็นกฎหมายที่วางหลักการตีความคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ใช้กันทั่วไปในกฎหมายอื่น เช่น คำว่า "คู่ชีวิตโดยพฤตินัย" (de facto partner)
ความเคลื่อนไหวในนิวซีแลนด์นี้เกิดขึ้นหลังจากศาลสูงสุดของสหราชอาณาจักร (UK) เพิ่งมีคำตัดสินครั้งประวัติศาสตร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีเพียงผู้หญิงทางชีววิทยา (biological women) เท่านั้นที่เข้าข่ายคำนิยามของ "ผู้หญิง" ภายใต้กฎหมายความเท่าเทียม ไม่รวมถึงหญิงข้ามเพศ คำตัดสินดังกล่าวสร้างความกังวลแก่กลุ่มผู้สนับสนุนคนข้ามเพศ แต่รัฐบาลกลับมองว่าเป็นการสร้างความกระจ่างชัดเจน
การตัดสินคดีนี้เกี่ยวข้องกับคำถามที่ว่า หญิงข้ามเพศที่ได้รับใบรับรองเพศสภาพ (GRC) ซึ่งเป็นเอกสารทางกฎหมายที่รับรองเพศสภาพใหม่ จะได้รับความคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติในฐานะ "ผู้หญิง" ภายใต้กฎหมายความเท่าเทียมของ UK หรือไม่
ทั้งนี้ ประเด็นสิทธิของคนข้ามเพศได้กลายเป็นประเด็นการเมืองที่เปราะบางและถูกหยิบยกมาถกเถียงอย่างกว้างขวางในหลายประเทศทั่วโลก โดยนักวิจารณ์บางส่วนชี้ว่า ฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้ใช้ประเด็นอัตลักษณ์เป็นเครื่องมือโจมตีกลุ่มคนส่วนน้อย ขณะที่อีกฝ่ายโต้แย้งว่า การสนับสนุนคนข้ามเพศของฝ่ายเสรีนิยมได้ก้าวล่วงสิทธิของผู้หญิงทางชีววิทยา