สื่อมวลชนจากทั่วโลกนับพันคนต่างปักหลักรอทำข่าวการมีพระสูติกาลของเจ้าหญิงเคทอย่างใจจดใจจ่อที่หน้าอาคารลินโด วิง โรงพยาบาลเซนต์ แมรี่ส์ ฮอสพิทอล ในเขตแพ็ดดิงตันทางตะวันตกของกรุงลอนดอนมาเป็นเวลานานกว่า 10 วัน
ในที่สุดช่วงเวลาแห่งความปิติยินดีก็มาถึง ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2556 เมื่อเวลา 16:24 น. ตามเวลากรุงลอนดอน เจ้าหญิงเคททรงมีพระประสูติกาลเป็น "พระโอรส" สร้างความปลาบปลื้มให้แก่เจ้าชายวิลเลี่ยม และราชตระกูล รวมถึงบรรดาประชาชนที่ตั้งตารอเป็นอย่างมาก "พระโอรส" ในเจ้าชายวิลเลี่ยม และเจ้าหญิงเคท ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 3.8 กก. พระโอรส และเจ้าหญิงเคททรงมีพระพลานามัยแข็งแรงดี
เจ้าหญิงเคททรงมีพระประสูติกาล ณ อาคารลินโด วิง โรงพยาบาลเซนต์ แมรี่ส์ ฮอสพิทอลในเขตแพ็ดดิงตันทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ซึ่งเคยเป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายวิลเลี่ยม โดยสูตินรีแพทย์ผู้ดูแลส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงเคทคือ นายแพทย์มาร์คัส เซตเชลล์ เจ้าหญิงเคททรงเลือกที่จะมีพระประสูติกาลแบบธรรมชาติ ราคาห้องคลอดอยู่ที่ 4,965 ปอนด์ (7,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และค่าห้องพักโรงพยาบาลอีกคืนละประมาณ 1,000 ปอนด์
เมื่อเวลา 01.30 ของเช้าวันพุธที่ 24 ก.ค. ตามเวลาในประเทศไทย เจ้าชายวิลเลี่ยม พร้อมด้วยเจ้าหญิงเคท และพระโอรสทรงเสด็จพระดำเนินออกจากโรงพยาบาลให้ประชาชน และสื่อมวลชนได้ยลโฉมเจ้าชายน้อยเป็นครั้งแรก ก่อนจะเสด็จกลับพระราชวังเคนซิงตัน เจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าหญิงเคทกำลังคิดกันเรื่องตั้งพระนามให้กับพระโอรส
ทั้งนี้ สถานที่ประสูติขององค์รัชทายาทแห่งเจ้าชายวิลเลี่ยม และเจ้าหญิงเคท คาดว่า จะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของบรรดานักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากกองทัพนักข่าวแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังคับคั่งไปด้วยประชาชนชาวอังกฤษ รวมถึงบรรดานักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆที่แวะมาติดตามข่าวการมีพระประสูติกาล และหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในภาพข่าวประวัติศาสตร์ครั้งนี้อีกด้วย
ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง
ทันทีที่มีการประกาศการประสูติของพระโอรส ประชาชน และสื่อมวลชนที่อยู่ ณ บริเวณโดยรอบโรงพยาบาลต่างส่งเสียงเชียร์แสดงความดีใจดังกึกก้องต้อนรับรัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทางฝั่งพระราชวังบัคกิ้งแฮม ผู้ส่งสารอัญเชิญป้ายประกาศการประสูติของพระโอรสวางลงบนฐานตั้งสีทอง ณ ประตูใหญ่ของพระราชวัง โดยมีประชาชนหลั่งไหลมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง ส่งเสียงไชโยดังกังวาลอยู่หน้าพระราชวัง แสดงถึงบรรยากาศการเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก มีประชาชนนำเอาดอกไม้หลากหลายสีสัน และตุ๊กตาหมีเทดดี้ แบร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการอวยพรแด่เจ้าหญิงเคท และการฉลองวันประสูติของพระโอรส วางเรียงรายอยู่หน้าพระราชวัง ขณะที่เด็กๆต่างพากันโบกธงปลิวไสว สถานที่สำคัญต่างๆในลอนดอนส่องสว่างเป็นประกายด้วยป้ายไฟ และประดับประดาไฟสีฟ้าเพื่อเฉลิมฉลองแด่องค์รัชทายาท ในวาระโอกาสที่น่ายินดีครั้งนี้ พระราชวังจัดให้มีการยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อสดุดีเจ้าชายองค์น้อย 41 นัดที่ไฮด์ พาร์ค (Hyde Park) ซึ่งเป็นหนึ่งในสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงลอนดอน และจุดพลุอีก 62 ชุด ณ ทาวเวอร์ ออฟ ลอนดอน (Tower of London) ในวันอังคารนี้
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำรายแรกที่ออกมาร่วมแสดงความยินดีกับการประสูติของพระโอรสด้วย "ผม และภรรยาของแสดงความยินดีกับดยุค และดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ในวาระโอกาสที่ทรงมีพระประสูติกาลโอรสพระองค์แรก"
เจ้าหญิงผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่น
ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงเป็นผู้มีอิทธิพลด้านแฟชั่นมานานหลายปี เป็นที่ทราบทั่วกันว่าเสื้อผ้าที่พระองค์ทรงสวมใส่ส่วนมากจะจำหน่ายหมดภายในไม่ถึง 24 ชม. ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อปี 2554 ที่เจ้าหญิงทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดจากห้องเสื้อรีส (Reiss) เข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา ส่งผลให้เว็บไซต์ของห้องเสื้อดังกล่าวล่มเป็นเวลากว่า 2 ชม. เนื่องจากมีผู้คนแห่เข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก ในสหรัฐอเมริกา เสื้อผ้าแบรนด์รีสขายหมดก่อนที่จะเปิดร้านเสียอีก เพราะลูกค้าแห่โทรสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ยอดขายของรีสดีดตัวขึ้น 5.2% ทำยอดแตะ 100 ล้านปอนด์ในปี 2554
ไม่น่าแปลกใจเลยที่พระองค์ยังคงสวยสง่าแม้ในยามทรงพระครรภ์ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายเสื้อผ้าสำหรับสตรีมีครรภ์ของห้องเสื้อที่เจ้าหญิงเคททรงสวมใส่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก อาทิ แบรนด์เอมิเลีย วิคสเตด, ราล์ฟ ลอเรน, ทาร่า จาร์มอน, แอลเค เบนเน็ต, เออร์เดม, เวอร์ซาเช และอาร์มานี เป็นต้น
เกาะกระแสแฟชั่นองค์รัชทายาทแห่งอังกฤษ
ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดจากการมีพระประสูติกาลของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ส่วนหนึ่ง คงจะหนีไม่พ้นบรรดาบริษัทผู้ผลิตเปล รถเข็น และของใช้สำหรับเด็ก
รายงานจากสหราชอาณาจักร ระบุว่า เจ้าหญิงเคททรงเลือกใช้รถเข็นเด็กสีน้ำเงินจากบูกาบู้ (Bugaboo) บริษัทผู้ผลิตรถเข็นเด็กที่ตั้งอยู่ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ดาราดังหลายคนเลือกใช้ อาทิ เอลตัน จอห์น และเซียนนา มิลเลอร์ ทั้งนี้ บริษัทออกมาแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่น ทรงเลือกใช้รถเข็นเด็กของบูกาบู้สำหรับรัชทายาทพระองค์แรก
กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตแอสด้า (Asda) ในเครือบริษัทวอล-มาร์ท สโตร์ส อิงค์ (Wal-Mart Stores Inc.) มีรายงานยอดขายเปลสานสำหรับเด็กที่พุ่งสูงถึง 57% หลังจากที่เจ้าหญิงเคททรงฉายพระฉายาลักษณ์คู่กับเปลสานจากร้านค้าสุดหรูแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การที่สำนักพระราชวังมีแนวโน้มว่า จะเลือกใช้รถเข็นจากบริษัทบูกาบู้ ซึ่งโฆษณาขายรถเข็นรุ่นคาเมลอนในราคา 799 ปอนด์ (1,212 ดอลลาร์สหรัฐฯ) บนเว็บไซต์ของบริษัทในประเทศอังกฤษ อาจจะทำให้ประชาชนที่อยากให้เจ้าหญิงเคททรงใช้รถเข็นจากบริษัทสัญชาติอังกฤษไม่พอใจได้
แม็คลาเรนบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้เด็กของอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถเข็นมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ใช้โอกาสนี้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัททันที ด้วยการนำเสนอรถเข็นเด็กรุ่นใหม่ “รอยัล เบบี้ เทคโน เอ็กซ์ที สไตล์ เซท" (Royal Baby Techno XT Style Set) ในราคา 360 ดอลลาร์ พร้อมลวดลายต่างๆที่เป็นสัญลักษณ์ของอังกฤษ อาทิ ธงชาติอังกฤษ เป็นต้น
ศูนย์วิจัยการค้าปลีกอังกฤษ คาดการณ์แนวโน้มยอดขายเปล และรถเข็นเด็กของอังกฤษว่า จะเพิ่มขึ้น 13% ซึ่งจะมีมูลค่าสูงถึง 288 ล้านปอนด์ภายใน 1 ปีนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป เนื่องจากพ่อแม่รายใหม่ต่างตามกระแสดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และส่งผลดีต่อเนื่องไปยังบริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้า ของเล่น และเตียงนอนเด็กอีกด้วย โดยคาดว่าการประสูติของรัชทายาทแห่งอังกฤษจะกระตุ้นให้มีเงินไหลเข้าภาคค้าปลีกในอังกฤษเพิ่มอีก 243 ล้านปอนด์ภายในเดือนสิงหาคมนี้
มาเธอร์แคร์ บริษัทเอกชนผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กรายใหญ่ที่สุดในอังกฤษ กำลังเปิดตัวคอลเล็กชั่นผ้ากันเปื้อน และชุดเด็กทารกที่มีโลโก้ “เจ้าชาย" และ “เจ้าหญิง" สนนราคาอยู่ที่ 4 — 6 ปอนด์
ร้านค้าหลายแห่งพากันกักตุนชุดนอนรุ่น "Born to Rule" ขณะที่ชุดนอนเลียนแบบชุดยามของพระราชวังในร้านค้าของพระราชวังกำลังขายดี รวมถึงรองเท้าเด็กลายธงชาติอังกฤษที่มีการจำหน่ายที่ร้านค้าในพระตำหนักไฮโกรฟของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ด้วย นอกจากนี้ ดีไซเนอร์เครื่องประดับชื่อดังอย่าง ธีโอ เฟนเนล ก็ได้ออกแบบสร้อยข้อมือเด็กสุดหรูที่ทำจากทองคำขาว 18 กะรัตประดับประดาด้วยเพชรพลอย สนนราคาอยู่ที่ 10,000 ปอนด์
บริษัท ฟิวเจอร์ จำกัด ผู้ผลิตสื่อยักษ์ใหญ่อันดับ 6 ของอังกฤษ เปิดตัวแอพพลิเคชั่น "Royal Baby App: Kate and William's birth celebration" บนระบบ IOS 5.0 ในแอพสโตร์ไปเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเกาะกระแสข่าวการมีพระสูติกาลรัชทายาทพระองค์แรกของดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ผู้ใช้บริการจะได้รับข้อมูลข่าวสาร และรูปภาพที่เกี่ยวกับการมีพระประสูติกาลล่าสุด ร่วมถึงข่าวสารจากทวิตเตอร์ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แอพพลิเคชั่นดังกล่าวให้บริการทั้งในระบบภาษาอังกฤษ เยอรมัน โปรตุเกส และสเปน นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นฟรีอื่นๆที่เกี่ยวกับเจ้าชายวิลเลี่ยม และเจ้าหญิงเคทบนระบบ IOS อีกมากมาย อาทิ "Royal Baby Run!" จากบริษัท ยูสเลส ครีเอชั่นส์ จำกัด, "Royal Baby Booth" จากบริษัท ซีเวอรีน โลแรม, "Royal Baby Slot Machine" จากบริษัท แอพเลียส เลิร์น แอนด์ เพลย์ จำกัด และ "Name the Royal Baby" จากค่ายยัง มันนี่ เป็นต้น
รอยัล มินท์ โรงผลิตเหรียญของสหราชอาณาจักรร่วมเฉลิมฉลองการประสูติของรัชทายาทด้วยการผลิตเหรียญเงินเพนนีรุ่นพิเศษแจกให้แก่ทารกที่เกิดในวันเดียวกับรัชทายาทแห่งอังกฤษ เหรียญเงินเพนนีดังกล่าวจะระบุปีค.ศ. 2013 บรรจุอยู่ในถุงสีฟ้าสำหรับเด็กผู้ชาย และถุงสีชมพูสำหรับเด็กผู้หญิง พ่อแม่ชาวอังกฤษที่ลูกเกิดวันเดียวกับองค์รัชทายาทสามารถลงทะเบียนขอรับเหรียญเพนนีรุ่นพิเศษได้ที่หน้าเฟซบุ๊กของบริษัท รอยัล มินท์ และต้องแสดงสำเนาใบแจ้งเกิดภายใน 60 วันหลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
ภาพรวมเศรษฐกิจสดใสรับการประสูติขององค์รัชทายาท
ขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมเครื่องใช้เด็กของอังกฤษยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์คาดว่า กระแสรัชทายาทองค์ใหม่ของอังกฤษจะส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดในอังกฤษมากถึง 240 ล้านปอนด์ (380 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ยังผลประโยชน์มหาศาลให้แก่บริษัทค้าปลีกเอกชน รวมถึงบริษัท รอยัล คอลเล็กชั่น ทรัสต์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์แห่งราชวงศ์อังกฤษที่ก่อตั้งโดยสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ภายใต้การบริหารของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และรอยัล คอลเล็กชั่น ทรัสต์ จะใช้กำไรที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชวัง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ประชาชนเกือบ 5 ล้านคนในอังกฤษจะมีการใช้จ่ายเพื่อเฉลิมฉลองต้อนรับรัชทายาทองค์ใหม่มากเกือบ 90 ล้านปอนด์ และมีการจับจ่ายเพื่อซื้อของที่ระลึกในวาระการประสูติขององค์รัชทายาทสูงกว่า 150 ล้านปอนด์ ไม่ว่าจะเป็นชุดของสะสม หนังสือ ดีวีดี และของเล่นเด็ก เป็นต้น
ลำดับรัชทายาทแห่งราชวงศ์อังกฤษ
รัชทายาทแห่งเจ้าหญิงเคทจะทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 ต่อจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าชายวิลเลี่ยม ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะเป็นหญิง หรือชายก็ตาม เนื่องจากมีการแก้ไขกฎการสืบราชสันตติวงศ์ในพระราชบัญญัติ Bill of Rights (1689) และ Act of Settlement (1701) ซึ่งหมายความว่า เจ้าชายแฮรี่ พระอนุชาของเจ้าชายวิลเลี่ยม จะถูกลดขั้นไปเป็นรัชทายาทลำดับที่ 4
รัชทายาท 14 ลำดับแรกแห่งราชวงศ์อังกฤษในปัจจุบัน ได้แก่:
1. เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระอิสริยยศ เจ้าชายแห่งเวลส์ ประสูติ พ.ศ. 2491 พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
2. เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ ประสูติ พ.ศ. 2525 พระโอรสพระองค์ใหญ่ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
3. พระโอรสของเจ้าชายวิลเลี่ยม และเจ้าหญิงเคท (รอการสถาปนาชื่อ)
4. เจ้าชายแฮร์รี่แห่งเวลส์ ประสูติ พ.ศ. 2527 พระโอรสองค์ที่ 2 ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์
5. เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ก ประสูติ พ.ศ. 2503 พระราชโอรสองค์ที่ 2 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
6. เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์ก ประสูติ พ.ศ. 2531 พระธิดาองค์ใหญ่ของเจ้าชายแอนดรูว์
7. เจ้าหญิงยูจีนีแห่งยอร์ก ประสูติ พ.ศ. 2533 พระธิดาองค์ที่ 2 ของเจ้าชายแอนดรูว์
8. เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์ ประสูติ พ.ศ. 2507 พระราชโอรสองค์ที่ 3 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
9. เจมส์ วิสเคานต์ เซเวิร์น ประสูติ พ.ศ. พระโอรสของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
10. เลดี้ หลุยส์ วินด์เซอร์ ประสูติ พ.ศ. 2546 พระธิดาของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
11. เจ้าหญิงแอนน์ ประสูติ พ.ศ. 2493 พระราชธิดาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
12. ปีเตอร์ ฟิลิปส์ ประสูติ พ.ศ. 2520 พระโอรสของเจ้าหญิงแอนน์
13. ซาวานนาห์ ฟิลิปส์ ประสูติ พ.ศ. 2553 พระธิดาของปีเตอร์ ฟิลิปส์
14. ซาร่า ฟิลิปส์ ประสูติ พ.ศ. 2524 พระธิดาของเจ้าหญิงแอนน์
สุดท้ายนี้ In Focus ก็ขอร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวโรกาสการมีพระประสูติกาลพระโอรสองค์แรกของดยุค และดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และขอให้ทั้ง 3 พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงยิ่งยืนนาน