แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า เกิดระเบิดรถยนต์คันหนึ่งซึ่งบรรจุระเบิด 100 กิโลกรัมที่มัสยิดอัล-ซาลาม ซึ่งตั้งอยู่ติดกับบ้านของนายนาจิบ มิคาติ นายกรัฐมนตรีรักษาการ หลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็ได้เกิดระเบิดรถยนต์อีกคันหนึ่งขึ้นที่มัสยิดอัล-ทัควา โดยเหตุระเบิด 2 ระลอกเกิดขึ้นหลังจากพิธีละหมาดในวันศุกร์
เหตุการณ์ระเบิด 2 ครั้งซ้อนนี้ถือเป็นเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในตริโปลีนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองของเลบานอน (พ.ศ.2518-2443) โดยประชาคมโลกต่างออกมาประณามเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ตุรกี และอิหร่าน
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการเลบานอนเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในวิกฤตสงครามกลางเมืองซีเรียในทุกกรณี หลังมีรายงานว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของนักรบต่างชาติซึ่งสนับสนุนฝ่ายกบฏซีเรีย
ขณะที่นายบัน คี-มุน เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้ชาวเลบานอนปรองดอง เพื่อความสามัคคีและความมั่นคงของประเทศ
ด้านนางมารี ฮาร์ฟ รองโฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในเลบานอนอยู่ในความสงบและยับยั้งชั่งใจ พร้อมยืนยันคำมั่นที่รัฐบาลสหรัฐให้ไว้ว่าจะส่งเสริมให้เลบานอนเป็นประเทศที่มีสเถียรภาพ อธิปไตยและเป็นอิสระ รวมถึงการสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลเลบานอนในการกอบกู้เสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ
เจ้าหน้าที่เลบานอนเองก็ประณามเหตุการณ์นี้เช่นกัน โดยประธานาธิบดีมิเชล สุไลมาน ระบุว่าเหตุการณ์ "สังหารหมู่" ในครั้งนี้เป็นแผนการก่อการร้ายที่มุ่งโจมตีประเทศ พร้อมเรียกร้องให้เกิดความสามัคคีในชาติเพื่อป้องกันศัตรูที่จ้องทำลายเสถียรภาพในเลบานอน
นอกจากนี้ เขายังได้สั่งการให้กองทัพ หน่วยงานด้านความมั่นคงและยุติธรรม ทำทุกวิถีทางเพื่อจับตัวผู้ก่อเหตุและผู้อยู่เบื้องหลังมาลงโทษให้ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมิคาติได้ประกาศให้วันเสาร์เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศแก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้