แถลงการณ์ของนายแคร์รี่ ณ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า UNSC ต้องเตรียมวางแนวทางการแก้ปัญหาที่มี"ผลผูกมัด"
"เราต้องการความช่วยเหลือของทุกคนเพื่อทำให้สภาความมั่นคงดำเนินตามวัตถุประสงค์แห่งการจัดตั้งซึ่งจะผ่านญัตติที่มีผลผูกมัดที่สร้างกลไกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อบรรลุเป้าหมาย และเป็นไปอย่างรวดเร็ว" นายแคร์รี่กล่าวเสริมว่า ข้อตกลงที่รัสเซียและสหรัฐบรรลุร่วมกันที่กรุงเจนีวา "บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ข้อตกดังกล่าว"ต้องบังคับใช้ได้ ต้องดำเนินการได้โดยเร็ว ต้องทำได้จริง"
รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า ผลตรวจสอบของคณะผู้ตรวจสอบยูเอ็นทำให้เป็นที่ชัดเจนว่า รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดต้องรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีอาวุธเคมีเมื่อ 21 ส.ค. ซึ่งรัฐบาลซีเรียปฏิเสธการกล่าวหา
นายแคร์รี่กล่าวว่า รายงานการตรวจสอบเป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า อาวุธเคมี รวมถึงสารซารินที่มีผลต่อระบบประสาทนั้น ถูกใช้ในซีเรีย และแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่ามีเพียงรัฐบาลอัสซาดเท่านั้นที่ครอบครองอาวุธดังกล่าว และมีเส้นทางการขนส่ง"
"สภาความมั่นคงต้องเตรียมดำเนินการในสัปดาห์หน้า จำเป็นที่ประชาคมโลกจะลุกขึ้นพูดให้มีน้ำหนักที่สุดในเรื่องความสำคัญของมาตรการบังคับใช้เพื่อขจัดอาณาจักรแห่งอาวุธเคมีในซีเรีย" นายแคร์รี่กล่าว
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของนายแคร์รี่มีขึ้น ภายหลังนายเซอร์ไก ลาฟรอฟ ระบุว่ารัสเซียมีหลักฐานหนาแน่นพอที่ชี้ว่ากลุ่มกบฎซีเรียใช้รายงานการโจมตีอาวุธเคมีดังกล่าวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแทรกแซงจากต่างประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน