วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 56 ต่อ 26 รับรองตำแหน่งให้กับนางเจเน็ต เยลเลน โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกัน 11 คน ร่วมลงมติกับสมาชิกพรรคเดโมแครตสนับสนุนนางเยลเลน
นางเยลเลน ซึ่งครองตำแหน่งรองประธานเฟดในปัจจุบัน จะกลายเป็นสตรีคนแรกที่ครองตำแหน่งผู้นำธนาคารกลางสหรัฐในรอบประวัติศาสตร์ 100 ปี
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เธอได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาให้ขึ้นเป็นประธานเฟดคนใหม่ และเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตรายแรกที่ได้รับเกียรตินี้นับตั้งแต่ปี 2530
นางเจเน็ต เยลเลนเกิดเมื่อพ.ศ. 2489 และได้รับตำแหน่งรองประธานเฟดตั้งแต่ปี 2553 เธอได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ทรงอิธิพลในด้านการออกแบบมาตรการพิเศษของเฟดเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการสื่อสารนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น และการจัดซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก หลังจากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเกือบเป็นศูนย์ในช่วงปลายปี 2551 โอบามาแถลงภายหลังจากการลงมติว่า "เจเน็ตได้รับหน้าที่ดูแลภารกิจหลักของเฟดในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็ช่วยจัดการปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของเราด้วยการลดอัตราการว่างงาน และสร้างอาชีพ"
เขากล่าวว่า "ผมมั่นใจว่า เจเน็ตจะช่วยเหลือแรงงานชาวอเมริกัน คุ้มครองผู้บริโภค ดูแลเสถียรภาพระบบการเงินของสหรัฐ และช่วยรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐต่อไปในอนาคตได้"
การปรับเปลี่ยนนโยบายของเฟดได้มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเฟดได้เริ่มทะยอยปรับนโยบายทางการเงินให้กลับไปเป็นปกติ หลังจากข้อมูลต่างๆชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐมีอัตราการเติบโตดีเกินคาด และมีการพัฒนาอย่างมั่นคง
ในเดือนธันวาคม เฟดประกาศลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร และตราสารหนี้ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่อยู่อาศัยจาก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนมาเป็น 7.5 หมื่ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
นายเบอร์นันเก้กล่าวสุนทรพจน์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า การที่เฟดตัดสินใจ "ปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ลงเล็กน้อยในการประชุมเฟดเดือนธันวาคมไม่ได้บ่งบอกถึงว่าเฟดจะละเลยข้อตกลงที่เฟดจะคงนโยบายการเงินที่มีความเหมาะสมแต่อย่างใด ตราบใดที่ยังมีความจำเป็นอยู่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคืบหน้าตามเป้าหมายการพัฒนาแนวโน้มตลาดแรงงานอย่างยั่งยืนของเรา"
เดวิด สต็อกตัน นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (PIIE) ระบุว่า "เฟดจะต้องระมัดระวังในขณะปรับลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ เราผ่านประสบการณ์มาอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสมากมายหลั่งไหลเข้ามาเสริมปัจจัยบวกซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรแน่นอน"
ในการวิเคราะห์ถึงความท้าทายที่กำลังรอนางเยลเลนอยู่เบื้องหน้านั้น สต็อกตันซึ่งเป็นอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเฟดกล่าวว่า นางเยลเลนอาจต้องปรับตัวเข้ากับการปรับลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ และต้องยังให้ความสนใจกับอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย