ภายใต้ข้อตกลงระหว่างอิหร่านและ IAEA เมื่อวันที่ 11 พ.ย.นั้น อิหร่านจะอนุญาตให้ IAEA เข้าตรวจสอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบปฏิกรณ์น้ำมวลหนักในเมืองอารักทางภาคกลางของประเทศ และเหมืองแร่ยูเรเนียมกาชินทางตอนใต้ ซึ่งคณะผู้ตรวจสอบของ IAEA ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลหนักแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ด้านนายเรซา นาจาฟี ทูตอิหร่านประจำ IAEA กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะเลื่อนการประชุมออกไป เนื่องจากอิหร่านและหกชาติมหาอำนาจ หรือกลุ่ม P5+1 ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐ และเยอรมนี วางแผนที่จะเริ่มแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในวันที่ 20 ม.ค.นี้
แคทเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ส่งหนังสือในนามของกลุ่ม P5+1 ถึงนายยูกิระ อามาโนะ ผู้อำนวยการ IAEA ว่าด้วยแผนปฏิบัติการร่วมซึ่งทางกลุ่มได้บรรลุข้อตกลงกับอิหร่านเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่นครนีวา โดยจดหมายฉบับดังกล่าวได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของ IAEA ในการตรวจพิสูจน์มาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์
ข้อตกลงที่เจนีวาระบุว่า สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรให้กับภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน ทองคำ ปิโตรเคมี ยานยนต์ และการบินพลเรือนของอิหร่าน เพื่อแลกกับการที่อิหร่านจะไม่เพิ่มความเข้มข้นของยูเรเนียมเกินระดับ 5% นาน 6 เดือน ควบคู่กับการลดความเข้มข้นของคลังแสงยูเรเนียมที่ระดับ 20%