นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบกล่าวในแถลงการณ์ว่า การเดินทางเยือน 4 ประเทศเอเชียในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจต่อเนื่องของประธานาธิบดีสหรัฐ ในการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูต ทางเศรษฐกิจ และด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ก่อนหน้านี้ ปธน.โอบามาต้องยกเลิกกำหนดการเยือนเอเชียในเดือนต.ค. เนื่องจากการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐเป็นเวลา 16 วัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้ โดยระหว่างการไปเยือนดังกล่าวที่ยกเลิกไปนั้น โอบามามีกำหนดเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ในบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย, การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐในบรูไน และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ทั้งนี้ การที่โอบามาไม่ได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับพันธกิจของสหรัฐในการคืนความสมดุลสู่ภูมิภาคเอเชีย
อย่างไรก็ดี นางซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของปธน.โอบามา ประกาศในสุนทรพจน์เดือนพ.ย.ที่กล่าวถึงนโยบายสหรัฐเกี่ยวกับเอเชียว่า โอบามามีกำหนดการเยือนเอเชียอีกครั้งในเดือนเม.ย.
นางไรซ์กล่าวว่า “การคืนความสมดุลสู่ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกยังคงเป็นเสาหลักในนโยบายการต่างประเทศของคณะบริหารของปธน.โอบามา ไม่ว่าจะมีพื้นที่ซึ่งเกิดข้อพิพาทมากแค่ไหน เราจะหยั่งรากพันธกิจที่แข็งแกร่งของเราในภูมิภาคที่สำคัญนี้"
นายคาร์นีย์กล่าวว่า ในญี่ปุ่น ปธน.โอบามาจะพบปะกับนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะเพื่อเน้นถึง “ก้าวย่างทางประวัติศาสตร์" ที่ทั้งสองประเทศกำลังดำเนินไปเพื่อปรับพันธมิตรอันยาวนาน 54 ปี ให้เหมาะสมกับสมัยปัจจุบัน กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคี และขยายความร่วมมือ “ในกรอบความท้าทายทางการทูต" ในเอเชียและทั่วโลก
โฆษกทำเนียบขาวเสริมว่า ส่วนในมาเลเซีย โอบามาจะเข้าพบนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เพื่อเน้นถึง “ความก้าวหน้าอันแข็งแกร่ง" ที่สร้างขึ้นในการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตระดับทวิภาคี ทางเศรษฐกิจและทางกลาโหม
นอกจากนี้ นายคาร์นีย์ยังกล่าวว่า ปธน.สหรัฐจะหารือถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับประธานาธิบดีเบนิกโน อากีโน ของฟิลิปปินส์ด้วยเช่นกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน