มาสด้ารายงานว่า กำไรจากการดำเนินงานทะยานกว่า 3 เท่า สู่ระดับ 1.8212 แสนล้านเยนซึ่งเป็นสถิติสูงสุด โดยมาจากยอดขาย 2.69 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 22.1% เนื่องจากความต้องการรถยนต์ซึ่งติดตั้งเทคโนโลยีประหยัดพลังงานอย่าง Skyactiv นั้นแข็งแกร่ง
บริษัทระบุว่า ยอดขายรถยนต์ขยายตัว 12.6% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 244,000 คันในญี่ปุ่น โดยมีปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งจากการซื้อรถยนต์ก่อนการขึ้นภาษีการขายในวันที่ 1 เม.ย. และจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อาทิ รถยนต์ซีดาน Axela ซึ่งคือ Mazda3 ที่วางจำหน่ายในต่างประเทศ
สำหรับในต่างประเทศ ยอดขายในไทยลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ขยายตัวซบเซา แต่ที่สหรัฐขายดีจากปัจจัยความต้องการรถยนต์รุ่น Mazda6 แข็งแกร่ง ตลอดจนรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์รุ่น CX-5 จึงเป็นสาเหตุให้ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7.8% สู่ระดับ 1,331,000 ล้านตัน
มาสด้าระบุว่า บริษัทจะกลับมาจ่ายเงินปันผลตลอดทั้งปี ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีงบการเงิน 2552 ที่สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2553 โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ 1 เยน/หุ้น ขณะที่บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลสิ้นปีในปีงบการเงินปัจจุบันที่ 10 เยน/หุ้น
สำหรับปีงบการเงินปัจจุบัน บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 17.9% สู่ระดับ 1.6 แสนล้านเยน ส่วนกำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น 15.3% สู่ระดับ 2.1 แสนล้านเยน จากยอดขาย 2.9 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.7% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน