ทั้งนั้ นายไวทาลี เชอร์คิน เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวที่สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติในนิวยอร์กภายหลังสภาได้รับรายงานจากนายนิคโคเล โมลเดนอฟ เลขาธิการขององค์สหประชาชาติประจำอิรักผ่านการประชุมทางโทรศัพท์ หลังจากที่กลุ่มกบฎได้บุกยึดพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ ซึ่งรวมไปถึงเมืองโมซูล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของประเทศ
นายเชอร์คินให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยอ้างคำพูดของนายโมลเดนอฟซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยงานให้ความช่วยเหลือแก่อิรักอีกตำแหน่งว่า “แบกแดดได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายในทันทีจากเหตุรุนแรงที่ลุกลามมาถึงแบกแดด อย่างน้อยผมเข้าใจว่าเขาจะสื่อสารในทำนองนี้"
นายเชอร์คินได้ปฏิเสธการรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า สถานการณ์ดังกล่าวลุกลามมาจากซีเรียว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากซีเรียตกอยู่ในสงครามกลางเมืองมานานถึง 3 ปี
“ผมคิดว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือการก่อการร้ายในตะวันออกกลาง ซึ่งมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน" เขากล่าว “บางทีผู้ก่อการร้ายบางกลุ่มที่กำลังต่อสู้ในอิรักอาจจะมาจากซีเรียแต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะมาจากที่อื่นและเป็นการผสมผสานกัน"
นายเชอร์คินกล่าวภายหลังการหารือกับสมาชิกสภาความมั่นคง 15 รายว่า “สมาชิกสภาความมั่นคงมีความเห็นสอดคล้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับสถาการณ์ในอิรัก พร้อมกับสนับสนุนรัฐบาลและประชาชนชาวอิรักในการต่อสู้กับการก่อการร้าย"
“สภากล่าวย้ำว่า การดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลจะต้องอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและมาตรฐานสิทธิมนุษยชน" เขากล่าว “สภาประนามการกระทำของกลุ่มผู้ก่อการร้ายไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดประสงค์อย่างไร" สำนักข่าวซินหัวรายงาน