เพอร์นิลล์ ไอรอนไซด์ ผู้ดูแลสำนักงานภาคพื้นดินของ UNICEF ในเขตฉนวนกาซา ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า การโจมตีทางทหารของอิสราเอลนั้นส่งผลกระทบที่เจ็บปวด และน่าเศร้าสลดใจอย่างมหันต์ต่อเยาวชน และครอบครัวของพวกเขาในกาซา
นอกจากให้ข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ประสบภัยที่เป็นเด็กชาวปาเลสไตน์แล้ว เธอยังระบุอีกว่า "เยาวชนจำนวนประมาณ 370,000 คนในกาซาเคยเผชิญหน้ากับความเหี้ยมโหดโดยตรง และต้องการเยียวยาทางจิตใน และความช่วยเหลือจากสังคมอย่างเร่งด่วน"
เธอกล่าวว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมาเกือบ 1 เดือนเต็มทำให้การใช้ชีวิตในกาซาที่ยากลำบากอยู่แล้วยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ซึ่งเป็นการขัดขวางการเรียนการสอนที่มีอยู่อย่างจำกัดอยู่แล้ว และทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่ที่ไม่แข็งแรงยิ่งอ่อนแอลงไปอีก
เจ้าหน้าที่ยูเอ็นยังย้ำถึงประเด็นผลกระทบรุนแรงจากโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำลายเสียหาย โดยเพาะอย่างยิ่งไฟ้ฟ้าที่ไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งยิ่งทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมากขึ้น
การขาดแคลนกระแสไฟฟ้าส่งผลให้สถานีสูบน้ำไม่สามารถใช้การได้ รวมถึงบ่อน้ำ สถานีสูบน้ำบาดาล และโรงงานบำบัดน้ำด้วย
ประชาชนที่ต้องอาศัยอยู่ในที่หลบภัยมีน้ำดื่มในปริมาณที่จำกัดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังขาดแคลนน้ำสำหรับสุขอนามัยอีกด้วย ขณะที่ภายนอกสถานที่หลบภัยกลับมีสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่า โดยประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้เลย
ขณะเดียวกันก็เริ่มมีความเสี่ยงการเกิดโรคระบาดที่แพร่กระจายได้ง่าย
เธอเตือนว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างเร่งด่วนเพราะอาจนำไปสู่การเกิดโรคท้องร่วง และอาจทำให้มีเด็กเสียชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ สำนักข่าวซินหัวรายงาน