นางชานระบุในบทความของวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine ว่า "ไม่มีใครระบุถึงการยุติลงโดยเร็วของแพร่ระบาดดังกล่าว ประชาคมโลกจะต้องเตรียมพร้อมอีกหลายเดือน สำหรับการช่วยเหลือครั้งใหญ่ที่เป็นการประสานงานกันและกำหนดเป้าหมายไว้"
ผู้อำนวยการ WHO ยังกล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้การระบาดของอีโบลาครั้งนี้กระจายในวงกว้าง มีความรุนแรงมาก และยากต่อการควบคุม คือความยากจน
"ประเทศที่มีการระบาดอย่างหนัก ได้แก่ กินี ไลบีเรีย และเซียร์รา ลีโอน เป็นกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก" นางชานกล่าวต่อว่า "ประเทศเหล่านี้เพิ่งผ่านพ้นความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมานานหลายปี ซึ่งส่งผลให้ระบบสาธารณสุขถูกทำลายในวงกว้าง หรือไม่สามารถใช้การได้ในบางพื้นที่ และทำให้เด็กๆ ไม่ได้รับการศึกษา"
นางชานเสริมว่า ในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีแพทย์เพียง 1 หรือ 2 คนเท่านั้นที่ดูแลรักษาประชาชนทุกๆ 100,000 คน และกลุ่มแพทย์จะเน้นที่การปฏิบัติหน้าที่ในเขตเมือง และสิ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง คือบุคลากรทางการแพทย์เกือบ 160 คนติดเชื้อ และจำนวนมากกว่า 80 คนเสียชีวิต นอกจากนี้ แผนกกักโรคและความสามารถของโรงพยาบาลในการควบคุมการติดเชื้อ "แทบจะไม่มีเลย"
การระบาดของอีโบลาที่เลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 40 ปีของประวัติการเกิดโรค มีความรุนแรงยิ่งขึ้นเนื่องจากภาวะการว่างงานสูง ซึ่งบีบให้ประชาชนข้ามพรมแดนเพื่อหางานทำ และส่งผลให้ "บริเวณจุดตัดพรมแดนของทั้ง 3 ประเทศ กลายเป็นเขตวิกฤตในตอนนี้ซึ่งการแพร่เชื้อในพื้นที่มีความรุนแรงมาก"
ผอ.WHO เสริมว่า ความกลัวยังคงเป็นอุปสรรคซึ่งเอาชนะได้ยากที่สุด "ประชาชนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อต่างหลบเลี่ยงระบบการเฝ้าระวัง บรรดาญาติซ่อนตัวสมาชิกในครอบครัวที่มีอาการของโรค หรือพาไปรักษาด้วยวิธีการทั่วไป และผู้ป่วยหนีออกมาจากศูนย์การดูแลรักษา"
นอกจากนี้ นางชานยังเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงวิธีจัดการกับศพผู้ติดเชื้อ ซึ่งมีการสัมผัสกับศพดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยกล่าวว่า "เป็นหนึ่งในความสำคัญเร่งด่วนอันดับแรก" ในประเทศกินี 60% ของกรณีการติดเชื้ออีโบลามีความเชื่อมโยงกับพิธีศพแบบดั้งเดิม
ทั้งนี้ ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับปาฏิหาริย์การรักษาอีโบลา โดยชาวไนจีเรียอย่างน้อย 2 คน เสียชีวิตหลังดื่มน้ำเกลือ ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถป้องกันโรคได้
ขณะที่สถานการณ์ยังคงเลวร้ายลงในกลุ่มประเทศที่มีการระบาดอย่างหนัก การรับมือต่อการระบาดของอีโบลาจากทั่วโลกเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นางชานเผยว่ากรอบการดำเนินงานสำหรับการรับมือที่มีการยกระดับขึ้น ซึ่งรวมถึงการเพิ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ บุคลากรด้านโลจิสติกส์ หรือผู้จัดการสถานการณ์ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้อำนวยการ WHO ปิดท้ายว่า "ความจำเป็นที่ต้องจัดการมีมากมาย แต่โอกาสในการควบคุมโรคอย่างรวดเร็วมีน้อย อย่างไรก็ดี ประสบการณ์บอกเราว่า การระบาดของอีโบลาสามารถควบคุมได้ แม้ว่าจะปราศจากวัคซีนหรือวิธีการรักษาก็ตาม" สำนักข่าวซินหัวรายงาน