คณะกรรมาธิการยุโรประบุในแถลงการณ์ว่า อียูจะดำเนินงานร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ในการตรวจสอบระบบคัดกรองผู้โดยสารขาออกในประเทศที่เป็นแหล่งระบาดของไวรัสอีโบลา เพื่อตรวจเช็คประสิทธิภาพของระบบ และอาจยกระดับการคัดกรองหากจำเป็น
นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกอียูยังตกลงเห็นชอบให้ปรับปรุงการประสานงานของมาตรการตามจุดเดินทางเข้าประเทศให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางโดยตรงระหว่างสนามบิน และท่าเรือ
แถลงการณ์ระบุว่า สมาชิกสหภาพยุโรปมีความเห็นตรงกันว่า ควรสนับสนุนแคมเปญการเผยแพร่ข้อมูล และสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้โดยสาร ลูกเรือ พนักงานสนามบิน และเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพด่านแรกในทุกจุดเดินทางเข้าประเทศอียู
“เราจำเป็นต้องส่งเสริมการให้ข้อมูลกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่พบการแพร่ระบาดโดยเฉพาะ เพื่อให้ประเทศเหล่านี้ทราบว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร และต้องไปที่ไหนเมื่อมีอาการบ่งชี้เบื้องต้น" แถลงการณ์ระบุ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ไวรัสอีโบลาได้แพร่ระบาดในแอฟริกาตะวันตกซึ่งได้แก่ ไลบีเรีย ไนจีเรีย กินี เซียร์ราลีโอน และล่าสุดคือ เซเนกัล โดยยอดผู้ติดเชื้อไวรัส ณ วันที่ 15 ต.ค. พุ่งขึ้นกว่า 8,997 ราย และเสียชีวิตแล้วมากกว่า 4,493 ราย