แถลงการณ์ระบุว่า กองกำลังทหารได้ทำการโจมตีทางอากาศ 5 ครั้งได้ทำลายอาคาร 3 แห่ง, พื้นที่ชุมนุม, ที่หลบภัย, ปืนครก, หน่วยงานด้านยุทธศาสตร์ 3 แห่ง และที่มั่นในการสู้รบ 2 แห่งของกลุ่ม IS ในซีเรีย
ขณะเดียวกัน กองกำลังทหารของสหรัฐและชาติพันธมิตรได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศ 61 ครั้งในอิรัก โดยใช้ทั้งกำลังพล เครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินที่มีการขับเคลื่อนระยะไกล
การโจมตี 16 ครั้งได้ทำลายปืนกลหนักของกลุ่ม IS จำนวน 2 กระบอก, อาคาร 8 แห่ง, หน่วยงานทางยุทธศาสตร์ 4 แห่ง, ยานพาหนะ 2 คัน, ป้อมปราการ 2 แห่ง และตู้คอนเทนเนอร์อีก 6 ตู้
ส่วนการโจมตีอีก 45 ครั้งในอิรักมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกองกำลังรักษาความมั่นคงของอิรักและเพชเมอร์กา โดยได้ทำลายเป้าหมายราว 50 จุด อาทิ รถแทรกเตอร์, ยานพาหนะ, จุดตรวจ, ที่มั่นในการสู้รบและยุทโธปกรณ์
การทำลายล้างเป้าหมายกลุ่ม IS ในซีเรียและอิรัก เป็นการจำกัดขีดความสามารถของกลุ่มก่อการร้ายในด้านสร้างความหวาดกลัวและการก่อความไม่สงบ
ทั้งนี้ ชาติพันธมิตรที่เข้าร่วมแผนโจมตีทางอากาศในอิรักประกอบด้วย สหรัฐ, ออสเตรเลีย, เบลเยียม, แคนาดา, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์และอังกฤษ ส่วนประเทศที่ร่วมโจมตีทางอากาศในซีเรียได้แก่ สหรัฐ, บาห์เรน, จอร์แดน, ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์