ทั้งนี้ มิซูโฮ และ BTMU จะอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่ชาร์ปผ่านทางการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งถือเป็นการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013
ชาร์ปคาดการณ์ว่าจะมีผลขาดทุนสุทธิราว 2 แสนล้านเยนในปีธุรกิจ 2014 ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ชาร์ปคาดว่าจะได้รับเงินสด 2.5 หมื่นล้านเยนจากการปรับโครงสร้าง ซึ่งจะส่งผลให้มิซูโฮ และ BTMU เข้าถือหุ้นในบริษัท
เมื่อเดือนที่แล้ว ชาร์ปได้ตัดสินใจปรับลดพนักงานในญี่ปุ่นลง 3,000 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 24,000 ตำแหน่งภายในเดือนมี.ค.2016 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปรับโครงสร้าง
การปรับลดพนักงานในครั้งนี้มีจำนวนใกล้เคียงกับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดในปี 2012 ซึ่งชาร์ปได้เปิดทางให้พนักงานจำนวน 2,900 คนเกษียณอายุก่อนกำหนด ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายราว 2.5 หมื่นล้านเยน