นายแบลตเตอร์ เผยว่าเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งต่อวิธีการของสหรัฐที่มุ่งเป้าไปที่ฟีฟ่า พร้อมวิจารณ์ท่าทีของสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ที่ได้รวมใจคัดค้านการขึ้นตำแหน่งของเขา
นายแบลตเตอร์ วัย 79 ปี กล่าวว่า "ไม่น่าจะมีใครเห็นด้วยว่าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ที่สหรัฐได้เข้ามาแทรกแซงก่อนการเลือกตั้งประธานฟีฟ่าเพียงสองวัน ทั้งหมดนี้ดูน่าสงสัยมาก"
"ทำไมผมต้องถอย ถ้าผมถอยก็แปลว่าผมยอมรับผิด ตลอดสามหรือสี่ปีที่ผ่านมานี้ผมได้ต่อสู้เพื่อจัดการกับปัญหาคอรัปชั่นมาโดยตลอด"
ด้านนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า การจับกุมตัวผู้บริหารของฟีฟ่าในข้อหาทุจริตนั้น เป็นแผนการของสหรัฐในการขยายขอบเขตอำนาจไปยังต่างประเทศ พร้อมชี้ว่า การฟ้องคดีต่อผู้บริหารฟีฟ่านั้นอาจเป็นหนทางของสหรัฐ เพื่อ "บรรลุผลประโยชน์ส่วนตัว"
"เห็นได้ชัดว่าเป็นการฝ่าฝืนหลักขององค์กรระหว่างประเทศ" ปธน.ปูติน กล่าว พร้อมตั้งข้อสงสัยต่อความถูกต้องตามกฎหมายในการที่ทางการสหรัฐได้ตั้งข้อหาเจ้าหน้าที่ฟีฟ่า จากการกระทำที่เกิดขึ้น "ในพื้นที่ประเทศที่สาม"
ทั้งนี้ สหรัฐพลาดตำแหน่งเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2565 ให้กับกาตาร์ ส่วนอังกฤษพลาดการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2561 ให้กับรัสเซีย
นายแบลตเตอร์เผยว่า สหรัฐเป็น "สปอนเซอร์หมายเลขหนึ่ง" ของจอร์แดน ประเทศของเจ้าชายอาลี บิน อัล ฮุสเซน ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานฟีฟ่า
นอกจากนี้ เขายังได้วิจารณ์ท่าทีของนายมิเชล พลาตินี่ ประธานยูฟ่า ซึ่งได้ขอร้องเป็นการส่วนตัวให้นายแบลตเตอร์ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป