นายสเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกUN กล่าวว่า "เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา องค์การต่างๆที่ให้ความช่วยเหลือ ได้เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเยเมนที่พุ่งสูงขึ้นจากปัญหาความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น"
ประชาชนกว่า 1 ล้านรายถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ ส่งผลให้ประชากรเหล่านี้ต้องการที่พักอาศัยฉุกเฉินและเครื่องมือเครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงประชาชนในพื้นที่เดิมกว่า 200,000 รายก็ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้ประชาชนดังกล่าวต้องทนทุกข์จากความรุนแรง โดยมีประชาชนกว่า 11.4 ล้านราย ซึ่งรวมถึงประชากรเด็กกว่า 7.3 ล้านราย กำลังต้องการการคุ้มครอง
นายดูจาร์ริคกล่าวอีกว่า ประชาชนประมาณ 20.4 ล้านราย หรือกว่า 80% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ต้องการความช่วยเหลือด้านน้ำดื่มและสุขอนามัย ขณะที่ประชาชนอย่างน้อย 12.3 ล้านราย หรือประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมด ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในด้านอาหาร ซึ่งสูงขึ้น 15.7% หลังจากเกิดวิกฤต
นอกจากนี้ ประชาชน 15.2 ล้านราย ต้องการความช่วยเหลือในด้านสาธารณสุขพื้นฐาน อีกทั้งสตรีและเด็กกว่า 1.5 ล้านรายต้องการความช่วยเหลือในด้านโภชนาการ และมีเด็กกว่า 2.9 ล้านรายกำลังต้องการความช่วยเหลือในด้านการศึกษาอย่างเร่งด่วน
ในช่วงกลางเดือนพ.ค. UN ระบุว่า ปัญหาความรุนแรงตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมส่งผลให้ประชาชน 1,850 รายถูกสังหาร และอีก 500,000 รายถูกขับไล่ออกจากพื้นที่
เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมของ UN เปิดเผยโดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์สาธารณสุขในเยเมนว่า ณ วันที่ 15 พ.ค. มีประชาชนเสียชีวิตแล้วกว่า 1,849 ราย และบาดเจ็บอีก 7,394 ราย
ทั้งนี้ UN เน้นย้ำว่า จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเหล่านี้ไม่รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข ซึ่งหมายถึงอาจมีความสูญเสียเพิ่มขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน