ร่างหลักเกณฑ์ว่าด้วยการควบคุมและจัดการดูแลด้านเครื่องสำอาง ซึ่งเปิดเผยโดยสำนักงานกิจการกฎหมายของสภาแห่งรัฐจีน เพื่อขอรับความเห็นจากสาธารณชนระบุว่า บริษัทต่างๆ จะต้องรับผิดชอบต่อคำกล่าวอ้างของตน และห้ามเผยแพร่การโฆษณาเกินจริงหรือหลอกลวง
ในประเทศจีน ซึ่งมีผู้ใช้เครื่องสำอางมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกนั้น การโฆษณามักเป็นคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางโดยไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง และหลักเกณฑ์ใหม่จะกำหนดให้คำกล่าวอ้างดังกล่าวมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน
ร่างหลักเกณฑ์ระบุว่า "ความมีประสิทธิภาพที่อ้างไว้ของเครื่องสำอาง จะต้องตั้งอยู่บนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอ ประกอบด้วย เอกสารการทดสอบและข้อมูลการวิจัย และหลักฐานนี้จะต้องเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหน่วยกำกับดูแลด้านอาหารและยา"
ส่วนเนื้อหาของโฆษณาเครื่องสำอางควรเป็นความจริงและถูกต้องตามกฎหมาย โดยการโฆษณาหลอกลวงในรูปแบบใดก็ตามจะถูกสั่งห้าม บุคคลใดที่เผยแพร่โฆษณาหลอกลวงจะถูกระงับให้จำหน่ายเครื่องสำอางดังกล่าว
หลักเกณฑ์ยังระบุว่า หากบุคคลข้างต้นยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ต่อไป ก็จะถูกปรับเป็นเงิน 20,000 หยวน (ประมาณ 3,270 ดอลลาร์สหรัฐ) ถึง 50,000 หยวน และจะถูกยึดผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
นอกจากนี้ ผู้ผลิตยังห้ามกล่าวอ้างว่าเครื่องสำอางของตนมีประโยชน์ทางการแพทย์ รวมถึงห้ามเชิญชวนบุคคลอื่น ซึ่งมักจะเป็นผู้มีชื่อเสียง มารับรองหรือกล่าวโดยนัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดได้ง่าย
ร่างหลักเกณฑ์ยังกำหนดให้บริษัทซัพพลายเออร์ด้านอี-คอมเมิร์ซ เข้มงวดเกี่ยวกับการขายเครื่องสำอาง และปิดร้านค้าออนไลน์ที่ฝ่าฝืนกฎ
ทั้งนี้ ตลาดเครื่องสำอางของจีนมีอัตราการขยายตัวรายปีที่ 10.8% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยรายงานที่เปิดเผยในการประชุม "HB Global Cosmetics Summit" ช่วงต้นปีนี้ระบุว่า ยอดขายเครื่องสำอางรายปีของจีนอยู่ที่ 2 แสนล้านหยวน ในปี 2557 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก 8.8% รองจากสหรัฐ สำนักข่าวซินหัวรายงาน