โฆษกยูเอ็นกล่าวว่า "นายเอมอน เมอร์ฟีย์ ผู้ประสานงานชั่วคราวด้านประชากรและมนุษยธรรมของยูเอ็น ได้แสดงความชื่นชมความพยายามของเมียนมาร์ ที่นำโดยทางการและทางทหารของเมียนมาร์ กลุ่มประชาคมต่างๆ และองค์กรในพื้นที่ รวมถึงสภากาชาดเมียนมาร์"
ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตที่รายงานโดยสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) และข้อมูลจากรัฐบาลเมียนมาร์มีความสอดคล้องกัน โดยนายดูจาร์ริคกล่าวว่า อุทกภัยครั้งนี้มีสาเหตุมาจากฝนและลมมรสุมที่รุนแรง
ด้านโครงการอาหารโลกของยูเอ็น (WFP) ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างน้อย 150,000 คนในพื้นที่ประสบภัย โดยจัดหาข้าว เมล็ดพืชที่สามารถรับประทานได้ น้ำมันปรุงอาหาร เกลือ และเสบียงอื่นๆ ที่เพียงพอสำหรับระยะเวลา 1 เดือน
ส่วนกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เตือนว่า เด็กด้อยโอกาสในเมียนมาร์กำลังเผชิญกับ "ภัยพิบัติซ้อน" เนื่องจากบรรดาเด็กยากจนกำลังประสบความยากลำบากและอุทกภัย และเด็กกลุ่มดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วงเยียวยาจากความรุนแรงและความขัดแย้ง
รายงานระบุว่า เหตุอุทกภัยในเมียนมาร์ซึ่งมีสาเหตุฝนที่ตกหนักช่วงปลายเดือนก.ค.นั้น ส่งผลกระทบต่อประชาชนใน 42 เมือง ใน 12 รัฐของประเทศ อีกทั้งสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน พื้นที่เพาะปลูก เส้นทางรถไฟ สะพาน และถนน
ทั้งนี้ มีการเปิดศูนย์อพยพทั้งหมด 31 แห่งสำหรับผู้ประสบภัยในรัฐกะเหรี่ยง รัฐมอญ และเมืองพะโค
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเต็งเส่งของเมียนมาร์ ได้ประกาศให้รัฐฉิ่น รัฐยะไข่ เขตสะกายและเขตมะเกว เป็นพื้นที่ประสบภัย
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ระดับน้ำในแม่น้ำสายใหญ่ทั้ง 5 สายของเมียนมาร์ ที่ประกอบด้วย อิระวดี ชิดวิน สะโตง สาละวิน และแม่น้ำงูน อยู่ในระดับที่สูงจนน่าวิตก และมีแนวโน้มสูงขึ้นเกินเกณฑ์การเตือนภัยน้ำท่วมในอีก 2 วันข้างหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน