รายงานข่าวไม่ได้ระบุถึงเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของรัฐบาลอินโดนีเซีย
ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่าประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียส่งสัญญาณว่า จีนอาจจะเป็นผู้ชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงของอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ในระหว่างที่เข้าเยี่ยมชุมชนแออัดแห่งหนึ่งทางเหนือของกรุงจาการ์ตาในวันนี้ (3 ก.ย.) ปธน.วิโดโดกล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน และรัฐบาลไม่ต้องให้การค้ำประกัน ขณะที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญในการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ
คำกล่าวของปธน.วิโดโดถือว่าสอดคล้องกับเงื่อนไขของจีน ซึ่งระบุว่า รัฐบาลอินโดนีเซียไม่จำเป็นต้องให้การค้ำประกันโครงการดังกล่าว ขณะที่ญี่ปุ่นมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะต้องให้การค้ำประกันค่าใช้จ่ายในโครงการ
นอกจากนี้ จีนยังระบุว่าจะใช้วัตถุดิบในอินโดนีเซียจำนวน 58% ของการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งสูงกว่าญี่ปุ่นซึ่งเสนอไว้ที่ 51% แม้ว่าต่อมาญี่ปุ่นเสนอเพิ่มเป็น 70% แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็มีการยื่นหลังจากที่เลยกำหนดเส้นตายสำหรับการยื่นเงื่อนไขเพิ่มเติม
นายดาร์มิน นาซูติออน หัวหน้ารัฐมนตรีเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย กล่าวว่า บรรดารัฐมนตรีได้เสร็จสิ้นการพิจารณาข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลจีนและญี่ปุ่นแล้ว และได้มีการยื่นข้อเสนอแนะให้แก่ปธน.วิโดโดแล้ว
นายนาซูติออนปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าบรรดารัฐมนตรีได้ตัดสินให้ชาติใดเป็นผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าว และยังไม่แน่นอนว่าปธน.วิโดโดจะประกาศการตัดสินใจเมื่อใด
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างกรุงจาการ์ตาและเมืองบันดุงในชวาตะวันตก เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะทาง 750 กม.ของอินโดนีเซีย ซึ่งจะเชื่อม 4 จังหวัดบนเกาะชวา และจะสิ้นสุดที่เมืองสุราบายา
ทั้งจีนและญี่ปุ่นเสนอให้เงินกู้แก่อินโดนีเซียสำหรับโครงการนี้ โดยให้ชำระคืนภายในเวลา 40 ปี โดยมีช่วงเวลาปลอดหนี้ 10 ปี อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.1% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของจีนอยู่ที่ 2.0%
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียระบุว่าจะพิจารณาจากหลากหลายปัจจัยในการตัดสินผู้ชนะในโครงการนี้ ซึ่งได้แก่ ด้านเทคโนโลยี และความปลอดภัย รวมทั้งการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ และการถ่ายโอนเทคโนโลยีสู่อินโดนีเซีย