คณะกรรมการด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจาก UN ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวผ่านผลรายงานด้านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งระบุว่า ประชากรกว่า 57% ยังคงไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ อีกทั้งยังไม่สามารถคว้าโอกาสด้านการสร้างเศรษฐกิจและสังคมในโลกออนไลน์ได้
รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำ UN ในนิวยอร์กภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งผู้นำระดับโลกจะมีการหารือภายใต้กรอบของวาระ 2030 ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ชุดใหม่ โดยเนื้อหาในรายงานเน้นย้ำว่า ช่องทางการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีศักยภาพพอที่จะเป็นตัวผลักดันการพัฒนาของชาติ
รายงานระบุว่ามีผู้คนในประเทศกำลังพัฒนาเพียง 35% เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งสถานการณ์ในประเทศที่ด้อยพัฒนาที่สุดในโลก 48 อันดับ ซึ่งจัดโดย UN อยู่ในสถานะที่น่าวิตก โดยพบว่า มีประชากรมากกว่า 90% ยังคงไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้
ตัวเลขของปีนี้แสดงให้เป็นว่า ในประเทศ 10 อันดับแรกที่มีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตมากที่สุดนั้น ล้วนอยู่ในเอเชียและตะวันออกกลางทั้งสิ้น โดยเกาหลีใต้ยังคงเป็นประเทศที่มีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตในครัวเรือนสูงสุด โดยคิดเป็น 98.5% รองลงมาคือกาตาร์ซึ่งมีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตถึง 98% ตามมาด้วยซาอุดิอาระเบียซึ่งมีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต 94%
ส่วนประเทศที่มีจำนวนการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตามครัวเรือนต่ำสุดมักจะอยู่ในแถบแอฟริกาใต้ ซับ-ซาฮารา โดยประชากรในกินี โซมาเลีย บูรุนดี และเอริเทรีย มีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพียง 2% สำนักข่าวซินหัวรายงาน