นายหม่า หยง รองเลขาธิการของมูลนิธิ กล่าวว่า "พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่ารุนแรงมาก ถือเป็นการเจตนาสร้างความเสียหาย ซึ่งโฟล์คสวาเกนจะต้องรับผิดชอบต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมของจีน"
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิไม่ได้ระบุในคำฟ้องถึงจำนวนเงินที่เรียกร้องให้โฟล์คสวาเกนจ่ายชดเชยค่าเสียหาย
คดีดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกที่โฟล์คสวาเกนถูกสาธารณชนฟ้องจากข่าวอื้อฉาวเรื่องโกงการตรวจไอเสีย ถึงแม้ทางบริษัทระบุว่ามีรถยนต์ในจีนที่เข้าข่ายดังกล่าวเพียง 1,950 คัน
โฟล์คสวาเกนขายรถยนต์ 3.67 ล้านคันในจีนในปีที่แล้ว และขายได้ 3.22 ล้านคันในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้
โฟล์คสวาเกนยอมรับว่าทางบริษัทได้ติดตั้งซอฟท์แวร์ที่ทำให้มีการปล่อยมลพิษน้อยกว่าความเป็นจริงในการตรวจสอบที่สหรัฐ
ซอฟท์แวร์ที่ทางบริษัทติดตั้งในรถยนต์ดีเซลจะทำให้เครื่องยนต์เข้าสู่โหมดพลังงานสะอาด หากกำลังถูกเจ้าหน้าที่ทำการตรวจจับมลพิษ และหากผ่านพ้นช่วงดังกล่าว โปรแกรมก็จะทำให้รถยนต์กลับมาอยู่ในโหมดขับขี่ปกติ ซึ่งจะทำให้มีการปล่อยมลพิษมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามกฎหมายถึง 40 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทยังยอมรับว่าได้ทำการติดตั้งซอฟท์แวร์ดังกล่าวในรถยนต์ของบริษัทจำนวน 11 ล้านคันทั่วโลก มากกว่าที่ทางการสหรัฐคาดไว้ที่ระดับ 482,000 คัน
ขณะเดียวกัน บริษัทเปิดเผยว่า รถยนต์แบรนด์โฟล์คสวาเกนมีการติดตั้งซอฟท์แวร์ดังกล่าว 5 ล้านคัน, แบรนด์ออดี้มีการติดตั้ง 2.1 ล้านคัน และแบรนด์สโกดามีการติดตั้ง 1.2 ล้านคัน