ประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว แห่งไต้หวัน ระบุว่า ความร่วมมือด้านกลาโหมของสหรัฐและไต้หวันขณะนี้ถือว่าอยู่ที่ระดับดีที่สุดในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐวางแผนส่งออกยุทธปัจจัยทางทหารที่รวมถึงเรือรบหลายลำให้ไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งการกระทำดังกล่าวคาดว่าจะทำให้จีนแสดงท่าทีคัดค้านอย่างรุนแรง
คณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แจ้งวงเงินการเสนอขายอาวุธ 1.83 พันล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรส ซึ่งประกอบด้วยเรือรบขนาดกลางจำนวน 2 ลำ ขีปนาวุธ และยานพาหนะจู่โจมสะเทินน้ำสะเทินบก เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงร่วมกับไต้หวัน
นาวาเอกเจฟฟ์ ดาวิส โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า "การกระทำดังกล่าวไม่ได้สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายจีนเดียว (One China) ของเรา" และเสริมว่า การตัดสินใจของสหรัฐมาจากการประเมินความจำเป็นด้านกลาโหม
อย่างไรก็ดี จีนยังคงมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ซึ่งการกระทำของสหรัฐอาจถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจเสนอขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน ขณะที่วิพากษ์วิจารณ์จีนเรื่องการอ้างสิทธิ์ครอบครองดินแดน สร้างทางวิ่งเครื่องบิน และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ บริเวณแนวหมู่เกาะสแปรทลีย์ (Spratly Islands) ที่เป็นประเด็นพิพาทในทะเลจีนใต้ โดยเพิกเฉยต่อเสียงคัดค้านจากไต้หวันและประเทศอื่นๆ ที่อ้างสิทธิ์ในหมู่เกาะดังกล่าวเช่นกัน