นายแบลตเตอร์กล่าวว่า เขาจะต่อสู้เพื่อตัวเขา และเพื่อฟีฟ่า เนื่องจากเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
นายแบลตเตอร์ระบุว่า เขาจะยื่นคำร้องต่อศาลอนุญาโตตุลาการด้านกีฬาเพื่ออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
นอกจากนี้ นายแบลตเตอร์ยังยืนยันว่า เขามองว่าตัวเขายังคงเป็นประธานฟีฟ่า ถึงแม้ฟีฟ่ามีคำสั่งห้ามเขายุ่งเกี่ยวกับวงการกีฬาฟุตบอลเป็นเวลา 8 ปีก็ตาม
ทั้งนี้ คณะกรรมการด้านจริยธรรมของฟีฟ่า ประกาศห้ามนายแบลตเตอร์ และนายพลาตินี่ มิให้ยุ่งเกี่ยวกับวงการกีฬาฟุตบอลเป็นเวลา 8 ปี
นอกจากนี้ นายแบลตเตอร์ยังถูกปรับเป็นเงิน 5 หมื่นฟรังก์สวิส (50,250 ดอลลาร์) ขณะที่นายพลาตินี่ถูกปรับ 8 หมื่นฟรังก์สวิส (80,400 ดอลลาร์)
ฟีฟ่าระบุว่า นายแบลตเตอร์ และนายพลาตินี่มีความผิดด้านจริยธรรม, ขัดแย้งด้านผลประโยชน์ และไม่ซื่อสัตย์ต่อฟีฟ่า รวมทั้งมีการเสนอหรือรับของรางวัล จากกรณีมีการโอนเงิน 2 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว
ทางด้านนายแบลตเตอร์ และนายพลาตินี่ได้ปฏิเสธการกระทำผิดในกรณีนี้ โดยนายแบลตเตอร์อ้างว่าได้ทำสัญญาด้วยวาจาที่จะจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่นายพลาตินี่ในฐานะที่ปรึกษาของนายแบลตเตอร์ในปี 1999-2002
ทั้งนี้ นายแบลตเตอร์ได้อยู่ในตำแหน่งประธานฟีฟ่ามาเป็นเวลามากกว่า 17 ปี ขณะที่ทำงานในองค์กรดังกล่าวรวม 40 ปี ส่วนนายพลาตินี่ถือว่าหมดอนาคตในความพยายามชิงชัยตำแหน่งประธานฟีฟ่าในวันที่ 26 ก.ย.ปีหน้า หลังจากที่ฟีฟ่ามีมติดังกล่าวในวันนี้