แถลงการณ์ของ UNWTO มีขึ้น หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ไวรัสซิกา ซึ่งมีการแพร่ระบาดอย่างหนักในบราซิลและประเทศอื่นๆในภูมิภาค เป็น "ภัยฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลก" โดยไวรัสซิกาคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ทารกในบราซิลเกิดมามีศีรษะเล็กผิดปกติหลังติดต่อโรคร้ายนี้มาจากมารดา
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีรักษาโรคไข้ซิกาโดยเฉพาะ ไวรัสดังกล่าวมียุงเป็นพาหะ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปวดหัว มีไข้เล็กน้อย และรู้สึกปวดข้อ หลังเชื้อไวรัสฟักตัวเป็นเวลา 3-12 วัน
UNWTO เปิดเผยว่า ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้แนะให้มีการจำกัดการเดินทาง แต่ได้แนะนำว่าผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสซิกานั้น "ควรหมั่นติดตามข้อแนะนำถึงภัยเสี่ยงและมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการโดนยุงกัด"
นอกจากนี้ UNWTO ยังชี้ว่า "หน่วยงานต่างๆควรมีการฆ่าเชื้อภายในเครื่องบินและตามท่าอากาศยานตามมาตรฐานของ WHO"
UNWTO จะติดตามสถานการณ์ต่อไปร่วมกับ "WHO และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง"
ทั้งนี้ ปี 2558 ที่ผ่านมานั้นมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศต่างๆทั่วโลกทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.18 พันล้านคน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 4% ในปี 2559 โดย UNWTO เปิดเผยว่า ขณะนี้ยัง "เร็วเกินไปที่จะประเมินให้เห็นอย่างแม่นยำ" ถึงผลกระทบต่อแผนการเดินทางจากความวิตกเกี่ยวกับไวรัสซิกา สำนักข่าวซินหัวรายงาน