นายดูจาร์ริคกล่าวว่า ณ วันที่ 10 มี.ค. ราว 195,200 ครอบครัวไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับการใช้ในแต่ละวัน และมีอยู่ 10 จังหวัดต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
นอกจากนี้ พื้นที่เพาะปลูกข้าวจำนวน 159,000 เฮคเตอร์ได้รับผลกระทบ คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 10.5 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อีก 500,000 เฮคเตอร์มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบในกลางปีนี้
ทั้งนี้ การที่เวียดนามมีจำนวนน้ำฝนต่ำกว่าระดับเฉลี่ย มีสาเหตุจากปรากฏการณ์เอล นีโญ่
นอกจากเวียดนามแล้ว ประเทศอื่นๆในภูมิภาคก็ได้รับผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งเช่นกัน ได้แก่ กัมพูชา ลาว ไทย และเมียนมาร์
อย่างไรก็ดี ทางการเวียดนามได้แสดงความยินดีต่อการที่จีนจะปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำโขงมากขึ้นเพื่อบรรเทาภัยแล้งในบางจังหวัดของเวียดนาม
"เรายินดีที่จีนจะให้ความร่วมมือ โดยจะทำการปล่อยน้ำฉุกเฉินในช่วงวันที่ 15 มี.ค.-4 เม.ย." นายฟาม ทู ฮาง รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าว หลังทางการเวียดนามได้แจ้งไปยังจีนเพื่อให้เพิ่มการปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำโขงมากขึ้น
"เราคิดว่าประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงมีความรับผิดชอบร่วมกันในการปกป้อง และใช้แหล่งน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อรักษาผลประโยชน์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาค" เขากล่าว
ทั้งนี้ เวียดนามได้แจ้งทางการจีนผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อให้เพิ่มการระบายน้ำจากสถานีพลังงานน้ำจินฮองในมณฑลยูนนาน เพื่อบรรเทาภาวะแห้งแล้ง และป้องกันการหนุนเข้ามาของน้ำทะเลในบางจังหวัดของเวียดนาม