สถาบันวิจัยสหรัฐเปิดเผยว่า ระบบขีปนาวุธข้ามทวีปที่ยิงจากเรือดำน้ำ (SLBM) ของเกาหลีเหนือจะมีความพร้อมในการใช้งานภายในปี 2563 โดยขีปนาวุธชนิดดังกล่าวใช้เชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งมีคุณภาพดีกว่าเชื้อเพลิงเหลว
สถาบันสหรัฐ-เกาหลี ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัย จอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุผ่านเว็บไซต์ "38 North" ว่า แม้ว่าเชื้อเพลิงทำให้รัศมีทำการของขีปนาวุธสั้นลง แต่เกาหลีเหนือยังสามารถใช้ขีปนาวุธชนิดนี้ ในการยั่วยุข่มขู่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้
ทั้งนี้ กองกำลังสหรัฐและเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีปที่ยิงจากเรือดำน้ำจากทะเลญี่ปุ่นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่นายปีเตอร์ คุก โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "เราอยู่ระหว่างการประเมินการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้"
สถาบันวิจัยดังกล่าวยังระบุอีกว่า เกาหลีเหนือได้ยกเลิกการใช้ขีปนาวุธเชื้อเพลิงเหลวที่มักไม่ประสบความสำเร็จในอดีต และเปลี่ยนมาใช้ระบบเชื้อเพลิงแข็งขับเคลื่อนขีปนาวุธ ซึ่งมีความสมบูรณ์กว่าแทน"
ขีปนาวุธซึ่งใช้ระบบเชื้อเพลิงแบบใหม่นี้ยังคงอยู่ในขั้นต้นของการทดสอบ และยังมีอีกหลายๆสิ่งที่ต้องพัฒนา อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยของสหรัฐคาดว่า มีความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือจะพัฒนาขีปนาวุธรุ่นใหม่นี้ได้อย่างไม่มีปัญหา และอาจแล้วเสร็จภายในปี 2563"
จากคำกล่าวอ้างของสถาบัน ขีปนาวุธข้ามทวีปที่ยิงจากเรือดำน้ำมีพิสัยไกลถึง 1,600 กิโลเมตรหากใช้เชื้อเพลิงเหลว แต่หากใช้เชื้อเพลิงแข็ง พิสัยของขีปนาวุธจะลดลงเหลือเพียง 900 กิโลเมตร
"เมื่อยิงจากน่านน้ำของเกาหลีเหนือ ระยะพิสัยของขีปนาวุธนั้นไกลเพียงพอที่จะยิงไปถึงเกาหลีใต้และบางพื้นที่ในญี่ปุ่น และหากเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือยอมเสี่ยงเข้าไปในพื้นที่ทะเลญี่ปุ่นแม้เพียงเล็กน้อย พิสัยของขีปนาวุธจะสามารถยิงได้ทุกพื้นที่เป้าหมายในประเทศญี่ปุ่น"
โดยกองกำลังของเกาหลีใต้ระบุว่า ขีปนาวุธข้ามทวีปที่ยิงจากเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือมีพิสัย 30 กิโลเมตร ขณะทำการทดสอบเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวเกียวโดรายงาน