คณะกรรมาธิการยุโรปอนุมัติงบประมาณราว 20 ล้านยูโร (22.6 ล้านดอลลาร์) ในการสนับสนุนกองทุนเพื่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์หรือ NSA เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของสหภาพยุโรปหรือ EU ในการรักษาความปลอดภัยและแก้ปัญหาที่มาจากนิวเคลียร์
การอนุมัติเกิดขึ้น 1 วันก่อนวันครบรอบ 30 ปีเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลระเบิดในปี 2529
ทั้งนี้ เงินจำนวน 20 ล้านยูโรที่ได้รับการอนุมัติเป็นส่วนหนึ่งของเงินสนับสนุนจำนวน 45 ล้านยูโรที่คาดว่ากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือ G7 ร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรปจะนำไปใช้สนับสนุนกองทุนเพื่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่ริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2536 โดยกลุ่ม G-7 ในการรักษาความปลอดภัยและแก้ปัญหาที่มาจากนิวเคลียร์ในยุโรปตะวันออกและยุโรปตอนกลาง
นายเนเวน มิมิกา กรรมาธิการยุโรปด้านการพัฒนาและความร่วมมือระหว่างประเทศกล่าวว่า "สหภาพยุโรปนั้นเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของผลกระทบที่เกิดจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลรวมถึงการปลดประจำการโรงไฟฟ้าดังกล่าวและการทำให้สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นกลับมาปลอดภัยอีกครั้ง"
กองทุนเพื่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์นี้ได้รับการกำกับดูแลโดยธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนายุโรปหรือ EBRD มุ่งเน้นไปที่การปลดประจำการของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1-3 ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล
ทั้งนี้ โครงการของกองทุนเพื่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยงบประมาณดังกล่าวได้แก่การสร้างบ่อจัดเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วระหว่างกาลหรือ ISF2 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560 เพื่อจัดการและกักเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วจากเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1-3 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการปลดประจำการโรงไฟฟ้าดังกล่าว
จนถึงปัจจุบัน สหภาพยุโรปได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 730 ล้านยูโรในโครงการต่างๆที่มีเป้าหมายในการทำให้พื้นที่บริเวณเมืองเชอร์โรบิลกลับมาปลอดภัยอีกครั้ง