รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า บ้านเรือนและอาคารอื่นๆมากกว่า 12,000 หลังในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งประสบเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง เป็นอาคารอันตรายและมีความเสี่ยงที่จะพังถล่มลงมา
กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และการท่องเที่ยว ได้รวบรวมรายงานต่างๆเกี่ยวกับอาคารมากกว่า 43,000 แห่งจากเทศบาลต่างๆของจังหวัดคุมาโมโตะ และพบว่าอาคาร 12,013 หลังในจำนวนนี้อยู่ในอันตราย เนื่องจากอาจพังถล่มลงมาได้จากอาฟเตอร์ช็อก หรือเหตุอื่นๆ
ตัวเลขดังกล่าวมากกว่าเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิในเดือนมี.ค.2554 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น โดยในครั้งนั้นมีการประเมินอาคารอันตรายอยู่ที่ 11,699 หลัง แม้ทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะเปรียบเทียบตัวเลขจากแผ่นดินไหวสองครั้งดังกล่าว เนื่องจากบ้านจำนวนมากได้ถูกสึนามิพัดหายไปในภัยพิบัติเมื่อ 5 ปีก่อน
แผ่นดินไหวขนาด 6.5 และ 7.3 แมกนิจูดได้เขย่าจังหวัดคุมาโมโตะ เมื่อวันที่ 14 และ 16 เม.ย. ตามลำดับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 49 ราย และจนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งรวมถึงแผ่นดินไหวขนาด 4.5 ใกล้กับจังหวัดโออิตะ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังรวบรวมงบประมาณพิเศษเพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้าง และออกมาตรการสนับสนุนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ทั้งในคุมาโมโตะและโออิตะ