รัฐบาลอียิปต์ได้ส่งเรือดำน้ำหุ่นยนต์ออกค้นหาหลักฐานหลังเกิดเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินอียิปต์แอร์ที่บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 66 คนตกลงในบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์-เอล-ซิซี ของอียิปต์กล่าวว่า เรือดำน้ำที่สามารถดำได้ลึกถึง 3,000 ม. ได้นำอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานใต้น้ำที่ได้รับจากบริษัทขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งของอียิปต์ เพื่อค้นหากล่องดำของเครื่องบินลำดังกล่าว
นอกจากเรือดำน้ำแล้วของอียิปต์แล้ว เรือและเครื่องบินของอังกฤษ, ไซปรัส, กรีซและสหรัฐฯยังได้ร่วมกันค้นหาหลักฐานในทะเลบริเวณใกล้กับท่าเรืออเล็กซานเดรียของอียิปต์อีกด้วย
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กองทัพอียิปต์ได้รายงานว่า พบสัมภาระและร่างผู้เสียชีวิตรวมถึงเศษซากเครื่องบินในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองท่าอเล็กซานเดรียไปทางเหนือประมาณ 290 กม.
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการพบกล่องดำซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการระบุสาเหตุของเครื่องบินตก
นายซิซีกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้แต่จะไม่ตัดทุกสมมติฐานความเป็นไปได้ใดๆออกไป และย้ำว่าการสืบหาสาเหตุนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาโดยจะประกาศสู่สาธารณะชนทันทีหลังการสืบสวนเสร็จสิ้น
ด้านนายเชอรีฟ ฟัตฮี รัฐมนตรีกระทรวงการบินพลเรือนของอีบิปต์กล่าวว่า สาเหตุของเครื่องบินตกนั้นอาจมาจากการก่อการร้าย
เครื่องบินแอร์บัส A320 ของสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบินที่ MS804 ได้หายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาเมื่อเวลา 2:45 น. ตามเวลาท้องถิ่นขณะเดินทางจากกรุงปารีสไปยังกรุงไคโร และบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือจำนวนทั้งหมด 66 คน เป็นชาวอียิปต์จำนวน 30 คน ชาวฝรั่งเศสจำนวน 15 คน และชาวอิรัก 2 คน
ทั้งนี้ ได้มีการจัดพิธีไว้อาลัยให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่โบสถ์อัล-บูทรอซซิยาในกรุงไคโร โดยผู้เข้าร่วมพิธีต่างแสดงความโศกเศร้าในขณะที่บาทหลวงได้กล่าวไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต
นอกจากนี้ หัวหน้าบาทหลวงยังได้กล่าวยกย่องความพยายามของรัฐบาลในการค้นหาร่างของผู้เสียชีวิต เนื่องจากเป็นภารกิจที่ยากลำบากแต่รัฐบาลกลับไม่ลดละความพยายามแต่อย่างใด สำนักข่าวซินหัวรายงาน