ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้ว่าได้เกิดเกิดเหตุกราดยิงสังหารหมู่ครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ แต่การออกกฏหมายควบคุมอาวุธปืนในประเทศนี้ยังคงเป็นเรื่องยาก ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
เหตุกราดยิงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ที่ไนท์คลับของกลุ่มคนรักร่วมเพศในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา มีผู้เสียชีวิต 50 คนแ ละบาดเจ็บอีกกว่า 53 คน
เหตุการณ์ดังกล่าวได้จุดชนวนกระแสเกี่ยวกับการออกกฏหมายควบคุมปืนในสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันการครอบครองอาวุธปืนถือเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งคนอเมริกันนับล้านยังถือเป็นความชอบธรรมอันศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่าเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้อาจไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใดๆในกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในปัจจุบัน
จูเลียน เซลิเซอร์ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์และกิจการสาธารณะ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันกล่าวว่า "แม้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่ทำให้พื้นฐานของกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการมีอาวุธปืนในครอบครองเปลี่ยนไปแต่อย่างไร เช่นเดียวกับเหตุการณ์ล่าสุดนี้ที่ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆว่าจะไม่ซ้ำรอยกับที่แล้วๆมา"
เซลิเซอร์ยังกล่าวถึงสาเหตุของการที่สภาคองเกรสสหรัฐไม่ยอมผ่านร่างกฏหมายควบคุมอาวุธปืนว่า มาจากการที่ฝ่ายที่ไม่สนับสนุนกฏหมายฉบับนี้มีองค์กรที่ทำงานเป็นระบบและมีผู้สนับสนุนอยู่ทั้งในฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน
ดาร์เรลล์ เวสต์ รองประธานและผู้อำนวนการสาขาวิชาการปกครอง สถาบันบรูกกิงส์ กล่าวว่า "ผู้คนในสหรัฐยังคงแบ่งเป็นสองผ่ายในประเด็นเกี่ยวกับการออกกฏหมายควบคุมอาวุธปืน อีกทั้งสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (NRA) ก็จะคงยังออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวใดๆที่สนับสนุนการออกกฏหมายดังกล่าวด้วย"
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนในสหรัฐต้องไว้อาลัยแก่ผู้เคราะห์ร้ายในเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง ในขณะที่ทั่วประเทศยังมีผู้ครอบครองปืนอยู่อีกกว่า 300 ล้านกระบอก
และเช่นเดียวกับทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์กราดยิงขึ้น ประชาชนทั่วประเทศจะตื่นตัวเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงภายในที่มีอาวุธปืนเกี่ยวข้องเพียงชั่วขณะหนึ่ง และจะเงียบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไปโดยไม่มีการเพิ่มเติมกฏหมายควบคุมอาวุธปืนแต่อย่างใด
ตัวอย่างในอดีตที่เห็นได้ชัดเจนคือเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมแซนดีฮุก ในปี 2555 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจำนวน 20 คนเป็นเด็กอายุ 6-7 ปี ซึ่งภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่มีการออกมาเรียกร้องให้มีการควบคุมอาวุธปืนต่อสาธารณะแต่อย่างใดเช่นกัน