ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐในนครซาน ฟรานซิสโก แถลงในวันนี้ว่า บริษัทโฟล์คสวาเกนได้ยอมชดเชยคิดเป็นเงินมูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ในคดีที่ได้โกงการตรวจสอบมลพิษในไอเสียของรถยนต์ดีเซล โดยมีการติดตั้งซอฟท์แวร์ที่ทำให้มีการปล่อยมลพิษน้อยกว่าความเป็นจริง
การจ่ายชดเชยคิดเป็นมูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ของโฟล์คสวาเกนถือเป็นการจ่ายเงินสูงเป็นประวัติการณ์ในประวัติศาสตร์สหรัฐเพื่อยุติคดีการฟ้องร้องเป็นคณะของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์
ซอฟท์แวร์ที่ทางบริษัทติดตั้งในรถยนต์ดีเซลจะทำให้เครื่องยนต์เข้าสู่โหมดพลังงานสะอาด หากกำลังถูกเจ้าหน้าที่ทำการตรวจจับมลพิษ และหากผ่านพ้นช่วงดังกล่าว โปรแกรมก็จะทำให้รถยนต์กลับมาอยู่ในโหมดขับขี่ปกติ ซึ่งจะทำให้มีการปล่อยมลพิษมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานตามกฎหมายถึง 40 เท่า
ทั้งนี้ ในเงื่อนไขของข้อตกลงชดเชยดังกล่าว โฟล์คสวาเกนจะซื้อคืนรถยนต์ดีเซลที่มีการติดตั้งซอฟท์แวร์โกงการตรวจจับไอเสียจำนวน 475,000 คัน ในราคาคันละ 5,100-10,000 ดอลลาร์ โดยขึ้นอยู่กับอายุรถยนต์ เนื่องจากการซ่อมแซมไม่สามารถทำให้รถยนต์มีคุณสมบัติด้านการปล่อยมลพิษตามกฎระเบียบของสหรัฐ
หากทางบริษัทต้องการซ่อมแซมรถยนต์ จะต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) และคณะกรรมการทรัพยากรอากาศแห่งแคลิฟอร์เนีย
ถ้ามีการพบว่า โฟล์คสวาเกนทำการขายรถยนต์ที่ยังไม่มีการซ่อมให้แก่ลูกค้า หรือส่งคืนรถที่ไม่มีการซ่อมแก่ลูกค้า ทางบริษัทจะต้องจ่ายค่าปรับคันละ 5 หมื่นดอลลาร์
นอกจากนี้ โฟล์คสวาเกนตกลงที่จะจ่ายเงิน 603 ล้านดอลลาร์แก่ 44 มลรัฐในสหรัฐ, กรุงวอชิงตันดี.ซี. และเปอร์โตริโก เพื่อยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคในการโกงการปล่อยมลพิษของเครื่องยนต์ดีเซล
สำหรับในช่วง 5 ปีข้างหน้า หากโฟล์คสวาเกนทำการตรวจสอบมลพิษของรถยนต์ที่มีการดัดแปลง บริษัทจะต้องแจ้ง EPA และคณะกรรมการทรัพยากรอากาศแห่งแคลิฟอร์เนียทราบเพื่อส่งตัวแทนเข้าสังเกตการณ์ภายใน 72 ชั่วโมง มิฉะนั้นบริษัทจะต้องจ่ายค่าปรับ
นอกจากนี้ โฟล์คสวาเกนจะต้องส่งรายงานประจำปีเกี่ยวกับการทดสอบรถยนต์จนถึงปี 2023
ขณะเดียวกัน บริษัทจะต้องจ่ายเงิน 2.7 พันล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม และจ่ายอีก 2 พันล้านดอลลาร์เพื่องานวิจัยเทคโนโลยีในการลดการปล่อยไอเสียเหลือ 0%