สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า จีนจะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน หรือ Shale Gas รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าในปี 2583 จีนจะสามารถผลิต Shale Gas ได้มากกว่า 2 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ทั้งนี้ EIA คาดการณ์ว่า การผลิตก๊าซธรรมชาติจากหินดินดานของจีนจะคิดเป็นสัดส่วน 40% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งหมดของประเทศในปี 2583
EIA กล่าวในรายงานคาดการณ์แนวโน้มพลังงานนานาชาติ (International Energy Outlook) ประจำปี 2559 และ รายงานคาดการณ์แนวโน้มพลังงาน (Annual Energy Outlook ) ประจำปี 2559 ว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนได้ทำการขุเจาะก๊าซธรรมชาติจากหินดินดานมากกว่า 600 แห่ง และมีกำลังการผลิต 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2558
ขณะที่กำลังการผลิต Shale Gas ของสหรัฐยังคงสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยคาดว่าสหรัฐจะผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากระดับ 3.7 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตในปี 2558 เป็น 7.9 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตในปี 2583 โดยคิดเป็นสัดส่วน 70% ของกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งหมดในสหรัฐ
ส่วนประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ผลิต Shale Gas รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในปัจจุบัน มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4.1 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2558 และมีโครงการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือในสัดส่วน 30% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติของประเทศในปี 2583
EIA กล่าวว่า Shale gas จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของก๊าซธรรมชาติในโลกในอีก 24 ปีข้างหน้า
การผลิตก๊าซธรรมชาติจากหินดินดานของโลกในปี 2583 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปี 2559 โดยจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.68 แสนล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็นสัดส่วน 30% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติในโลก โดยที่การผลิตก๊าซธรรมชาติทั้งหมดของโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 62% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในปัจจุบัน ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดานในเชิงพาณิชย์ มีเพียงประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา จีน และอาร์เจนตินา ซึ่ง EIA เชื่อว่าการพัฒนาเทคโนโลยีจะทำให้มีผู้ผลิตมากขึ้น โดยประเทศเม็กซิโกและแอลจีเรีย ก็กำลังจะเริ่มต้นผลิตก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดาน
นอกจากนี้ EIA ยังระบุว่า ทั้ง 6 ประเทศนี้มีโครงการที่จะผลิต Shale Gas ให้ได้ราว 70% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติทั่วโลกในปี 2583 สำนักข่าวซินหัวรายงาน