นายฟีลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ยอมรับว่า เขารู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับคำสั่งพิเศษฉบับใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสั่งห้ามพลเมืองจาก 6 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญในการปกป้องผู้ลี้ภัยจากความรุนแรงทั้งปวง
นายฟาร์ฮัน ฮัค รองโฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า "หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษฉบับใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา UNHCR ขอเน้นย้ำว่า ผู้ลี้ภัยต่างเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ต้องจำใจอพยพจากบ้านเกิดเพราะสงคราม ความรุนแรง และการข่มเหงรังแกอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งพวกเขาต่างก็ต้องการความช่วยเหลือและการคุ้มครองอย่างเร่งด่วนที่สุด"
นอกจากนี้ นายกรันดียังได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับคำสั่งพิเศษฉบับใหม่ด้วยว่า "นับเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องเตรียมการช่วยเหลือให้กับผู้อพยพลี้ภัยสงคราม ซึ่งเรามีความวิตกกังวลว่า คำสั่งดังกล่าวอาจสร้างผลกระทบต่อผู้ลี้ภัยบางกลุ่ม แม้จะเป็นคำสั่งจะมีขึ้นชั่วคราวก็ตาม"
ด้านนายฮัคกล่าวว่า "UNHCR พร้อมที่จะให้คำแนะนำแก่รัฐบาลสหรัฐ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ลี้ภัยทุกคนให้อยู่อย่างปลอดภัยและมั่นคง"
สำหรับคำสั่งใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ ได้ยกเว้นอิรักจากรายชื่อประเทศซึ่งมีการประกาศก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลให้รายชื่อของพลเมืองที่ถูกห้ามเข้าสหรัฐเป็นการชั่วคราวนั้น ลดลงเหลือ 6 ประเทศ ซึ่งได้แก่ ซูดาน ซีเรีย อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย และเยเมน จะถูกสั่งห้ามเดินทางเข้าสหรัฐเป็นเวลา 90 วัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน