กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุระเบิดโบสถ์คริสต์นิกายคอปติก 2 แห่งในเมืองตันตะ และเมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 100 คน
ทั้งนี้ เหตุระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นที่โบสถ์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ เมืองตันตะ ห่างจากพื้นที่ตอนเหนือของกรุงไคโรประมาณ 80 กิโลเมตร โดยเหตุการดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเที่ยงวัน ในระหว่างที่มีการเฉลิมฉลองเทศกาลปาล์มซันเดย์ และหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์นิกายคอปติกอีกแห่งหนึ่ง ในเมืองอเล็กซานเดรีย
ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศเป็นเวลา 3 เดือน โดยกล่าวว่า "ทางรัฐบาลเตรียมใช้มาตรการหลายด้าน ซึ่งมาตรการที่สำคัญที่สุดคือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีการจัดตั้งสภาสูงสุด เพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงในอียิปต์"
ทางด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาชาติ (UN) ได้ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง พร้อมกับแสดงความเสียใจต่อรัฐบาลอียิปต์และครอบครัวผู้เสียชีวิต
"ท่านเลขาธิการ UN ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และต่อรัฐบาลอียิปต์ ท่านหวังว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จะฟื้นตัวโดยเร็ว และขอให้ทางรัฐบาลสามารถนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมาย" UN ระบุในแถลงการณ์