ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า เขาได้ตัดสินใจนำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ"
"สหรัฐจะยุติการมีส่วนร่วมในความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า คณะทำงานของเขาจะยุติการแบกรับภาระทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน อันเนื่องมาจากการต้องปฏิบัติตามความตกลงปารีส
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า ความตกลงปารีส เป็น "ตัวถ่วง" สหรัฐ แต่กลับ "ให้อำนาจ" กับประเทศอื่นๆ พร้อมกล่าวว่า สหรัฐอาจจะกลับไปเจรจาเพื่อเข้าร่วมกับความตกลงปารีสใหม่อีกครั้งในวันข้างหน้า แต่เรื่องนี้จะไม่อยู่ในวาระสำคัญของคณะทำงานในยุคสมัยของเขา
"ถ้าสหรัฐจะกลับไปเจรจาเพื่อเข้าร่วมกับความตกลงปารีสใหม่อีกครั้ง ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าไม่กลับไปเจรจาอีก ก็ไม่เป็นไร หากมีการทำข้อตกลงครั้งใหม่ ก็ต้องปฏิบัติกับสหรัฐ ภาคธุรกิจ แรงงาน และผู้เสียภาษีของสหรัฐอย่างเป็นธรรม" ทรัมป์กล่าว
ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการทำตามคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และมีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้ปฏิเสธที่จะให้การรับรองความตกลงดังกล่าวในที่ประชุมสุดยอด G7 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ
การที่ปธน.ทรัมป์ตัดสินใจถอนตัวออกจากความตกลงปารีสนั้น ส่งผลให้สหรัฐอยู่ในกลุ่มเดียวกับซีเรีย และนิการากัว ซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมความตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ ประเทศเกือบ 200 ประเทศได้ให้การสนับสนุนความตกลงนี้ที่กรุงปารีสในปี 2558 เพื่อลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐมีพันธกรณีที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 26-28% จากระดับของปี 2548 ภายในปี 2568