ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (EU) ให้การรับรองข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้ หลังจากที่เจรจากันมาเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี ด้วยความมุ่งหวังว่าจะส่งเสริมระบบเศรษฐกิจแบบเปิด
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป และนาย ฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ให้การรับรองข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกันที่กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่การจัดตั้งตลาดที่มีประชากรรวมกันเกือบ 640 ล้านคน และคิดเป็นสัดส่วนเกือบหนึ่งในสามของเศรษฐกิจโลก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันก่อนการประชุม G20 ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ในการประชุมวานนี้ ทั้งสองฝ่ายสามารถแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีสินค้าของญี่ปุ่น เช่น รถยนต์ และสินค้าจากฝั่งยุโรป เช่น ไวน์ และเนย โดยทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายได้ภายในสิ้นปีนี้
รายละเอียดสาระสำคัญของข้อตกลงการค้าเสรีของญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (EU) ได้แก่
-- ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปจะต้งเป้าที่จะมีการบังคับใช้ข้อตกลงนี้ในช่วงต้นปี 2019
-- ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปจะผ่อนคลายกฎระเบียบต่อบริษัทที่เข้าร่วมการประมูลงานด้านการก่อสร้างโครงการสาธารณะ และโครงการอื่นๆ
-- ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าไวน์โดยมีผลทันที
-- ญี่ปุ่นจะตั้งโควตาการนำเข้าเนยอ่อนของยุโรป โดยคิดอัตราภาษีนำเข้าในระดับต่ำ โดยเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 20,000 ตัน และโควตาดังกล่าวจะสิ้นสุดในเวลา 15 ปี
-- ญี่ปุ้นจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าเนยแข็งหลังจากช่วงเวลา 15 ปี
-- ญี่ปุ่นจะยกเลิกการเก็บอากรจากช็อกโกแลท ลูกกวาด และพาสตา หลังจากเวลา 10 ปี
-- ญี่ปุ่นจะลดอัตราภาษีนำเข้าต่อเนื้อวัวยุโรปสู่ระดับ 9% หลังจากเวลา 15 ปี
-- ญี่ปุ่นจะยกเลิกภาษีนำเข้าต่อผลิตภัณฑ์ไม้ 10 ประเภท หลังจากเวลา 10 ปี
-- สหภาพยุโรปจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้า 10% ต่อรถยนต์ญี่ปุ่น หลังจากเวลา 7 ปี ขณะที่จะมีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้า 92.1% ต่ออะไหล่รถยนต์โดยทันที
-- สหภาพยุโรปจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อโทรทัศน์ญี่ปุ่นหลังจากเวลา 5 ปี
-- สหภาพยุโรปจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อเหล้าสาเกญี่ปุ่น, ชาเขียว และน้ำซอสถั่วเหลืองโดยทันที ส่วนการเก็บอากรต่อหอยสแกลลอบจะถูกยกเลิกหลังจากเวลา 7 ปี