นายไมฮา ริเบอร์นิค นักวิเคราะห์จากบริษัทเวอริสค์ เมเพิลครอฟท์ กล่าวว่า ถึงแม้เกาหลีเหนืออาจทำการยั่วยุจนเกิดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีในขณะนี้ แต่โอกาสที่จะเกิดสงครามยังคงอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้
นายริเบอร์นิคกล่าวว่า ความเสี่ยงในการเกิดสงครามยังคงมีน้อย เนื่องจากสิ่งบ่งชี้ที่จะทำให้ทั้งเกาหลีเหนือและสหรัฐตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ที่เกิดความตึงเครียดครั้งล่าสุดในเดือนเม.ย.
นายริเบอร์นิคระบุว่า ถึงแม้ทั้งนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ต่างก็เป็นคนพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่เป็นที่เชื่อกันว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ต้องการทำในสิ่งที่ตนเองพูดไว้
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือยังคงทำการทดลอง และผลิตขีปนาวุธ และอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเป็นการรับประกันความอยู่รอดของระบอบการปกครองของตน แต่ก็รู้ดีว่า วันใดก็ตามหากมีการใช้ขีปนาวุธ และอาวุธนิวเคลียร์จริง ก็จะเป็นการบ่งชี้ถึงจุดจบการปกครองของตระกูลคิม
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ก็มีความกังวลลึกๆว่า หากสหรัฐทำการชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อน ก็จะทำให้เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐ ไม่อาจรอดพ้นการโจมตีจากเกาหลีเหนือเช่นกัน
นายริเบอร์นิคระบุว่า ฝ่ายที่กดปุ่มยิงขีปนาวุธ หรือระเบิดนิวเคลียร์เป็นฝ่ายแรก จะต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาลที่จะตามมา
นายริเบอร์นิคกล่าวว่า ทางออกที่เป็นไปได้ในขณะนี้คือ สหรัฐยอมตกลงที่จะเจรจา โดยไม่มีการบังคับให้เกาหลีเหนือต้องปลดอาวุธ หรือทางฝ่ายเกาหลีเหนือยินยอมปลดอาวุธเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจทรุดตัว