นายรอน ฮับบาร์ด ประธานบริษัท แอตลาส เซอร์ไววัล เชลเตอร์ส (Atlas Survival Shelters) ผู้ผลิตและจำหน่ายบังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ความต้องการบังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ
กองทัพเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า เกาหลีเหนือวางแผนโจมตีเกาะกวมด้วยขีปนาวุธพิสัยกลาง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเตือนเกาหลีเหนือว่า "เป็นการดีที่สุดที่เกาหลีเหนือจะไม่ทำอะไรที่เป็นภัยคุกคามสหรัฐให้มากไปกว่านี้ เพราะหากทำเช่นนั้นอีก เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ 'ไฟ ความเดือดดาล และอานุภาพที่ร้ายแรง' ของสหรัฐในแบบที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน"
นายฮับบาร์ดกล่าวว่า ไม่เพียงแต่เกาะกวม ซึ่งเป็นเขตแดนของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิกเท่านั้น แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในแถบเวสต์โคสต์ของสหรัฐ ก็ยังพากันวิตกกังวลในเรื่องนี้ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์บังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์
นายฮับบาร์ดเปิดเผยว่า เขาได้เริ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายบังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2553 โดยธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีข่าวลือว่า โลกจะถึงแก่วาระสิ้นสุดในปี 2555 และนับตั้งแต่กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) กลายเป็นภัยคุกคามโลก กระทั่งปัจจุบัน สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ได้ทำให้ประชาชนจำนวนหันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์นี้มากขึ้น
ทั้งนี้ บังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์จำหน่ายในราคาตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์ ไปจนถึง 100,000 ดอลลาร์ โดยบังเกอร์ถูกออกแบบมาสำหรับฝังใต้ดินที่ระดับความลึก 20 ฟุต และด้วยพลังงานแสงอาทิตย์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายใน จะช่วยให้ผู้หลบภัยในบังเกอร์สามารถมีชีวิตอยู่ในนั้นได้เป็นเวลานานถึง 1 ปีหลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์