สหรัฐได้ให้คำมั่นสัญญาต่อบรรดาผู้นำประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ที่กรุงอาปีอา ประเทศซามัว ว่า สหรัฐจะเดินหน้าให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาโลกร้อนต่อไป แม้สหรัฐได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากความตกลงปารีสก็ตาม
ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาโลกร้อน ได้รับการลงนามไปเมื่อปี 2558 โดยประเทศที่ร่วมลงนามต่างตกลงกันว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามความพยายามในการยับยั้งผลกระทบรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ผู้ร่วมสังเกตการณ์ของซามัวเปิดเผยว่า สหรัฐให้คำมั่นดังกล่าวในขณะเข้าร่วมการแถลงข่าว ณ กรุงอาปีอา สถานที่จัดการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก (PIF) ประจำปี ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
นางซูซาน โทรนตัน รักษาการผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนของสหรัฐที่เข้าร่วมการประชุม PIF ครั้งที่ 48 กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐยังคงทำงานตามรายละเอียดของสถานะเดิมในความตกลงปารีส
นางโทรนตัน ยังกล่าวด้วยว่า "ฉันคิดว่าสหรัฐจะยังคงมีส่วนร่วมในประเด็นที่เกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"
หัวหน้าคณะผู้แทนของสหรัฐระบุว่า สหรัฐได้ร่วมลงนามในความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาโลกร้อนมาตั้งแต่ช่วงของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อปี 2558 และยังไม่ได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวโดยสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกองทุน Green Global Fund โดยได้สนับสนุนเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนดังกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า เขาได้ตัดสินใจที่จะนำสหรัฐถอนตัวออกจากความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาโลกร้อน ซึ่งความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของทรัมป์ได้สร้างความไม่พอใจให้กับประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากประเทศเหล่านั้นเป็นประเทศอับดับต้นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประเด็นดังกล่าวได้ถูกบรรจุไว้เป็นวาระสำคัญของการประชุมผู้นำ PIF ในซามัวอีกด้วย