อังกฤษเตือนข้อพิพาทการค้าระหว่าง"โบอิ้ง"-"บอมบาร์เดียร์" อาจกระทบความสัมพันธ์"โบอิ้ง"-"อังกฤษ"

ข่าวต่างประเทศ Wednesday September 27, 2017 19:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมิเชล ฟอลลอน รมว.กลาโหมอังกฤษ กล่าวเตือนว่า ข้อพิพาททางการค้าระหว่างบริษัทโบอิ้ง และบริษัทบอมบาร์เดียร์ อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างโบอิ้งและอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของโบอิ้ง

"นี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เราคาดหวังจากโบอิ้ง และอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของเรา โดยที่ผ่านมาโบอิ้งได้รับสัญญาจากเราจำนวนมาก และยังคงคาดว่าจะได้สัญญาต่อไป ซึ่งโบอิ้งและเราต่างก็ต้องการเป็นคู่ค้าในระยะยาว แต่สิ่งนี้จะต้องเป็นความสัมพันธ์ 2 ทาง" นายฟอลลอนกล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศเก็บภาษีต่อต้านการอุดหนุนราคาต่อเครื่องบินไอพ่นรุ่น CSeries ของบริษัทบอมบาร์เดียร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินและรถไฟของแคนาดา หลังจากที่บริษัทโบอิ้งของสหรัฐได้ทำการร้องเรียนต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเกี่ยวกับการที่รัฐบาลแคนาดาให้การอุดหนุนราคาอย่างไม่เป็นธรรมต่อการผลิตเครื่องบินดังกล่าว

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศเก็บภาษี 219.63% ต่อเครื่องบินไอพ่นรุ่น CSeries ของบอมบาร์เดียร์ หลังจากที่ทางกระทรวงเสร็จสิ้นการตรวจสอบในเบื้องต้นเกี่ยวกับการอุดหนุนราคาดังกล่าว

บอมบาร์เดียร์มีการตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินรุ่นดังกล่าวในไอร์แลนด์เหนือ โดยมีการจ้างงานหลายพันตำแหน่ง

ทางด้านนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงความผิดหวังต่อการที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีต่อต้านการอุดหนุนราคาต่อเครื่องบินไอพ่นของบริษัทบอมบาร์เดียร์ เนื่องจากอาจกระทบต่อการจ้างงานในไอร์แลนด์เหนือ

ก่อนหน้านี้ นางเมย์ได้เคยเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ช่วยหาทางออกต่อความขัดแย้งระหว่างบอมบาร์เดียร์และโบอิ้ง

นางเมย์ระบุว่า รัฐบาลจะยังคงทำงานร่วมกับบอมบาร์เดียร์เพื่อรักษาการจ้างงานจำนวนหลายพันตำแหน่งในไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งบอมบาร์เดียร์มีการตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินรุ่นดังกล่าว

ทางด้านโบอิ้งร้องเรียนต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐว่า บอมบาร์เดียร์ได้ขายเครื่องบินรุ่นดังกล่าวในตลาดสหรัฐในปีที่แล้วในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลแคนาดาให้การอุดหนุนราคา

อย่างไรก็ดี คำสั่งของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในการเก็บภาษีต่อต้านการอุดหนุนราคาต่อเครื่องบินไอพ่นของบอมบาร์เดียร์จะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ (ITC) มีคำตัดสินสอดคล้องกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โดยคาดว่า ITC จะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ