โฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษไม่สามารถเข้าช่วยเหลือบริษัทคาริลเลียน ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจก่อสร้างของอังกฤษ ซึ่งประกาศล้มละลายในวันนี้
"เป็นเรื่องน่าเสียใจที่คาริลเลียนไม่สามารถยื่นข้อเสนอทางการเงินที่เหมาะสมแก่เจ้าหนี้ แต่ก็ไม่ควรมีการคาดหวังว่าจะมีการนำเงินจากผู้เสียภาษีมากอบกู้ธุรกิจของบริษัทเอกชน โดยรัฐบาลได้จับตามองอย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่ที่บริษัทได้แจ้งเตือนผลกำไรครั้งแรกในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว และเรายังคงหวังว่าจะมีการหาทางออก และมีการจัดเตรียมแผนฉุกเฉินรองรับ" โฆษกกล่าว
"ความรับผิดชอบที่สำคัญสูงสุดของเราคือการทำให้การบริการในภาคสาธารณะยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น" เขากล่าว
ทั้งนี้ คาริลเลียนประกาศล้มละลายในวันนี้ และเข้าสู่กระบวนการขอยกเลิกกิจการและชำระบัญชี เนื่องจากรัฐบาลปฏิเสธที่จะอัดฉีดเงินช่วยเหลือบริษัท และสถาบันการเงินต่างก็ไม่ต้องการปล่อยเงินกู้ให้แก่บริษัทอีกต่อไป หลังจากที่คาริลเลียนประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก โดยมีหนี้สินมากถึง 1.5 พันล้านปอนด์
"ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราไม่สามารถหาเงินทุนมาสนับสนุนแผนธุรกิจของเรา จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่เราต้องทำการตัดสินใจในครั้งนี้" นายฟิลิป กรีน ประธานบริษัทคาริลเลียน กล่าว
"นี่เป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับคาริลเลียน สำหรับเพื่อนร่วมงาน ซัพพลายเออร์ และลูกค้าของเรา ซึ่งเราได้ให้การรับใช้มาเป็นเวลาหลายปี" นายกรีนกล่าว
ทั้งนี้ คาริลเลียนเป็นบริษัทเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานถึง 200 ปี โดยทำธุรกิจก่อสร้างนับตั้งแต่โรงพยาบาลไปจนถึงทางรถไฟ ขณะที่มีพนักงานทั่วโลก 43,000 คน โดยอยู่ในอังกฤษ 20,000 คน
ผลงานที่สร้างชื่อเสียงในอดีตของบริษัท ได้แก่ การก่อสร้างรอยัล โอเปร่า เฮ้าส์ในกรุงลอนดอน และการสร้างอุโมงค์ลอดคลองสุเอซ
คาริลเลียนประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก หลังจากที่เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการที่มีวงเงินลงทุนสูง และการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้บริษัทออกคำเตือนเกี่ยวกับผลกำไรหลายครั้ง ขณะที่ประสบภาวะขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบการเงินมากกว่า 1 พันล้านปอนด์
รัฐบาลอังกฤษปฏิเสธที่จะอัดฉีดเงินช่วยเหลือบริษัท โดยระบุว่ารัฐบาลไม่สามารถนำเงินภาษีอากรของประชาชนมาช่วยเหลือบริษัทเอกชน แต่ในระหว่างนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนเงินทุนที่จำเป็นเพื่อให้การบริการที่เกี่ยวข้องในภาครัฐสามารถดำเนินการต่อไปได้