รัฐบาลอังกฤษประกาศเตือนอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงว่า อุตสาหกรรมเหล่านี้อาจต้องจ่ายค่าปรับเป็นวงเงินสูงถึง 24 ล้านดอลลาร์ หากไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพ
แถลงการณ์ของรัฐบาลอังกฤษระบุว่า มาตรการลงโทษที่รุนแรงจะถูกนำมาใช้กับบริษัทในภาคพลังงาน, การขนส่ง, น้ำ และสุขภาพ หากบริษัทเหล่านี้ไม่ดำเนินการอย่างจริงจังในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
นอกจากนี้ ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติของอังกฤษยังเผยแพร่แนวทางป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ฉบับใหม่สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆอีกด้วย
หลังจากการดำเนินการให้คำปรึกษา ผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีความสุ่มเสี่ยงของอังกฤษถูกเตือนให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ มิเช่นนั้นอาจต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนมหาศาลหากปล่อยให้ตัวเองถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ จะมีการแต่งตั้งหน่วยงานกำกับดูแลเฉพาะภาคอุตสาหกรรมขึ้นมาเพื่อปกป้องการให้บริการที่สำคัญๆของประเทศ โดยหน่วยงานดังกล่าวจะทำหน้าที่ประเมินความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ของอุตสาหกรรมเหล่านั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า แผนการรักษาความปลอดภัยของบริษัทมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นายมาร์ก็อต เจมส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลและอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ กล่าวว่า เรากำลังออกมาตรการใหม่ๆในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อให้มั่นใจว่าอังกฤษจะเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกสำหรับการดำรงชีวิตและใช้งานอินเทอร์เนต
นายเจมส์ยังกล่าวด้วยว่า "เราต้องการให้โครงสร้างพื้นฐานและบริการที่สำคัญๆ ของเรามีความพร้อมในการรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์และยืดหยุ่นต่อการถูกรบกวนการให้บริการ"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มาตรการใหม่ของรัฐบาลอังกฤษนี้ครอบคลุมภัยคุกคามที่มีผลกระทบทางเทคโนโลยีสารสนเทศ อาทิ ไฟฟ้าดับ, การขัดข้องของอุปกรณ์ และอันตรายที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นล่าสุดอย่างมัลแวร์เรียกค่าไถ่ WannaCry และความขัดข้องของระบบสำคัญๆต่างๆ