นายนิโคลาส โคลาส ผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยดาต้าเทรค กล่าวว่า การที่แฮกเกอร์ลักลอบเจาะระบบเข้าโจรกรรมเงิน NEM วงเงินเกือบ 6 หมื่นล้านเยนจากแพลทฟอร์มการซื้อขายในญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งสุดท้ายสำหรับการโจรกรรมเงินดิจิทัลของเหล่าแฮกเกอร์
"ผมคิดว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าสกุลเงินดิจิทัลยังต้องปรับปรุงอีกมากในเรื่องของความปลอดภัยในระบบ" นายโคลาสกล่าว
"ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับการโจมตีสกุลเงินดิจิทัล" เขากล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Coincheck ผู้ให้บริการซื้อขายสกุลเงิน NEM ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล ประกาศว่า NEM จำนวน 5.8 หมื่นล้านเยน (534 ล้านดอลลาร์) ได้สูญหายไปจากตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากถูกแฮกเกอร์ลักลอบเจาะเข้าระบบ
การสูญหายเงินดังกล่าว ทำให้ Coincheck ประกาศระงับการซื้อขาย และฝากถอนเงิน NEM ขณะที่มีลูกค้าราว 260,000 คนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้
Coincheck ประกาศว่าจะทางบริษัทจะจ่ายเงินคืนกว่า 4.6 หมื่นล้านเยน (423 ล้านดอลลาร์) ให้แก่ลูกค้าที่สูญเสียสกุลเงิน NEM จากการโจรกรรมของแฮกเกอร์ โดยจำนวนเงินที่ทางบริษัทจ่ายคืนให้นี้ คิดเป็นเกือบ 90% ของมูลค่าความเสียหาย
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เงินที่สูญหายไปนั้นถูกเก็บอยู่ในบัญชีเงิน "Hot Wallet" ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และมีความปลอดภัยต่ำ ตรงกันข้ามกับบัญชีเงิน "Cold Wallet" ที่มีการเก็บรักษาอย่างปลอดภัยในรูปแบบออฟไลน์
วงเงิน NEM ที่สูญหายในครั้งนี้ มากกว่าที่ Mt. Gox ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายบิตคอยน์ในญี่ปุ่น แจ้งว่ามีการสูญหายบิตคอยน์วงเงิน 4.8 หมื่นล้านเยนในปี 2557